ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 จว.ใต้ อีก 3 เดือน
3 จังหวัดใต้ ภาพรวมมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น เหตุการณ์การก่อเหตุร้ายมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
(14 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 4/2563
ที่ประชุมได้รับทราบผลการปฏิบัติงานตามพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ห้วงวันที่ 20 ก.ย.-12 พ.ย.63 ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งภาพรวมมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น เหตุการณ์การก่อเหตุร้ายมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ประชาชนในพื้นที่ได้รับการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง พร้อมทั้งมีความเข้าใจในความจำเป็นของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยได้ให้การสนับสนุน และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
จากการประเมินสถานการณ์ด้านการข่าว พบว่าผู้ก่อเหตุความรุนแรงยังมีศักยภาพในการปฏิบัติการและยังมีสิ่งบอกเหตุ ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงในรูปแบบต่างๆในพื้นที่ จึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องคงการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก
ทั้งนี้ ที่ประชุม ยังได้รับทราบเรื่องที่ กอ.รมน. ภาค 4 จะดำเนินการจัดทำแผนการปรับลดพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการส่งเสริมให้มีการสร้างงาน สร้างอาชีพแก่ประชาชนในพื้นที่ด้วย
คณะกรรมการฯ ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ ตามที่ กอ.รมน. ภาค 4 เสนอขอขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.แม่ลาน ,อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ,อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.สุไหงโก-ลก ,อ.สุคิริน , อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ออกไปอีกเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 20 ธ.ค.63 ถึง 19 มี.ค.64 (ครั้งที่ 62) เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีความต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพต่อไป
พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการ กอ.รมน. และสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ให้ร่วมกันจัดทำแผนการปรับลดพื้นที่ควบคุม เพื่อเตรียมรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม และส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมกำชับการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จะต้องให้สอดคล้อง กับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง และเน้นย้ำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขอให้อัยการสูงสุด เร่งจัดตั้งสำนักงานคดีความมั่นคง ภาค 9 และให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เป็นธรรม รวดเร็ว เพื่อเป็นการป้องกันป้องปราม ไม่ให้มีการก่อเหตุร้าย และช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เข้มงวดมาตรการป้องกันยาเสพติดในพื้นที่ ตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป