แบงก์รวมพลังกระตุ้นท่องเที่ยวภาคใต้
แม้รัฐบาลจะทุ่มเทงบประมาณเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศผ่านมาตรการต่างๆ เช่น เราเที่ยวด้วยกัน แต่สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทย ที่เคยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงกว่า 40 ล้านคน เป็นการพึ่งพานักท่องเที่ยวจากต่างชาติเป็นสัดส่วนที่สูง การระบาดของโควิค-19 จึงได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยอย่างรุนแรง
แม้รัฐบาลจะพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ หรือการเชิญชวนให้คนไทยท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้น จากการจัดให้มีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายช่วง แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบได้มากนัก โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในภาคใต้ก็ยังไม่ได้อานิสงส์มากนัก
รัฐบาลจึงได้ขอความร่วมมือสถาบันการเงินของรัฐให้ช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวในภาคใต้ ซึ่งที่ผ่านมา ทั้งธนาคารกรุงไทยและธนาคารออมสินต่างก็ให้การตอบรับกับนโยบายดังกล่าว โดยธนาคารออมสิน เปิดตัวโครงการนำร่อง “ฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชนและการท่องเที่ยว” ในพื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
ขณะที่ธนาคารกรุงไทยเองให้ฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ก็ได้ร่วมกับ UNDP ประเทศไทย มูลนิธิรักษ์ไทย ร่วมกันจัดโครงการ Koh Tao, Better Together โดยการร่วมระดมทุน ผ่าน QR E-Donation “มูลนิธิรักษ์ไทย UNDP กรุงไทยรักเกาะเต่า” เพื่อสร้างอาชีพช่วยเหลือคนในชุมชนเกาะเต่าที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด 19
โดยจ้างชาวเรือให้ทำความสะอาดชายหาดและปลูกจิตสำนึกให้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งในปัจจุบัน มีการจัดกิจกรรม Big Cleaning Day เป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการท่องเที่ยวและฟื้นฟูเศรษฐกิจในเกาะเต่าให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ซึ่งธนาคารตั้งเป้าระดมทุน 1.944 ล้านบาท เพื่อสร้างอาชีพให้คนขับเรือท่องเที่ยวขนาดเล็กในเทศบาลตำบลเกาะเต่า จำนวน 200 คน ทำความสะอาดและเก็บขยะ โดยมีค่าจ้างเดือนละ 3,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2563 – วันที่ 31 มกราคม 2564 รวมทั้งการปลูกจิตสำนึกให้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสมดุลในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติอย่างยั่งยืน
หรือการสนับสนุนชุมชนบ้านโคกไคร จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นหนึ่งชุมชนในโครงการ #กรุงไทยรักชุมชน ที่ธนาคารมุ่งมั่นพัฒนาชุมชนให้เติบโตไปพร้อมกับทุกภาคส่วนของสังคม และเป็นการตอกย้ำนโยบาย กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน
ส่วนภาพรวมการท่องเที่ยวในมุมมองของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ต่างก็มองในทิศทางเดียวกันว่า การท่องเที่ยวในปีหน้า หรือ2564 แม้จะดีขึ้นแต่การฟื้นตัวก็ยังซบเซาไปจนถึงครึ่งแรกของปีหน้า แต่จะเร่งตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิค-19 มีการแพร่หลายแล้ว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวปีหน้า น่าจะอยู่ในช่วง 8-8.5 ล้านคน เพิ่ม่ขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 6-6.5 ล้านคนเท่านั้น
ดังนั้นการกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องให้การสนับสนุน ขณะที่ผู้ประกอบการในแหล่งท่องเที่ยวภาคใต้ก็พร้อมใจกันลดราคา และจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นและจูงใจให้เกิดการเดินทางมาเที่ยว แม้จะไม่สามารถทดแทนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามามากว่า 40 ล้านคน แต่อย่างน้อยก็จะทำให้เกิดการจ้างงานในระดับท้องถิ่นและจะช่วยประคองธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้