ไม่หวั่นโควิดฯ ปี’64 ดึงต่างชาติเที่ยวไทย 8 ล.คน
“อาคม” ไม่หวั่นพิษสาวโควิดฯ ทำลายท่องเที่ยวไทย ตั้งเป้าปีหน้าเร่งอัดฉีดมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว หวังเพิ่มสัดส่วนเที่ยวในประเทศอีก 3% รวมกับดึงนักเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 1 ใน 5 หรืออีก 8 ล้านคน ระบุ! ยังไม่เห็นข้อเสนอ “ธนาคารท่องเที่ยว” ของฝ่ายค้าน ยืนยัน แบงก์รัฐ-เอกชน มีพาร์ทสินเชื่อท่องเที่ยว พ่วงกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ เพียงพออยู่แล้ว
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เป็นประธานเปิดงาน มหกรรมการเงิน Thailand Smart Money กรุงเทพ ครั้งที่ 11 เทศกาลการเงิน การลงทุน จัดเต็มโปรโมชั่นส่งท้ายปี ภายใต้แนวคิด “ICONIC CITY นครแห่งการลงทุน” ด้วยเงินฝากดอกเบี้ยสูง เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โปรโมชั่นบัตรเครดิต พร้อมการวางแผนทางการลงทุนต่างๆ เช่น หุ้น กองทุนรวม และทรัพย์ NPA ราคาพิเศษ รวมถึงบริการให้คำปรึกษาแนะนำการลงทุนสำหรับ Startup และ SME ตลอดจนการทำประกันภัย ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ การวางแผนการออมผ่านการทำประกันชีวิต การลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี โดยมี นายรัฐกร อัสดรธีรยุทธ์ ประธานเครือ นสพ.ดอกเบี้ยธุรกิจ ในฐานะ ประธานจัดงานฯ และคณะฯ ให้เกียรติต้อนรับ ทั้งนี้ งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11–13 ธ.ค. 2563 ณ Sky Hall ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว
นายอาคม กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลคาดหวังจากนี้ โดยเฉพาะในปี 2564 คือ ความร่วมมือจากทุกฝ่ายและทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินของรัฐ และภาคประชาชน ในการขับเคลื่อนและร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติเหมือนก่อนหน้าจะเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการโครงการ/มาตรการต่างๆ ตั้งแต่การกระตุ้นเศรษฐกิจ การเยียวยา จนถึงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ทำให้สามารถผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 มาแล้ว และจากนี้เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวและดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากไตรมาส 3 ขยายตัวมาถึง 6.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2
โดยเฉพาะความคาดหวังจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ และจากต่างประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมา พบว่ารายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติมีมากถึง 12% ของจีดีพี ขณะที่ รายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศมีเพียง 6% เท่านั้น และ จากมาตรการส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ผ่านมาตรการต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา มีส่วนทำให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยว 3% ทั้งนี้ ในปี 2564 รัฐบาลพยายามจะกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้อีก 3% และทำให้มีสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มเป็น 6% เหมือนเช่นปี 2562
“มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลผลักดันออกมา ถือว่าครอบคลุมคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผู้ค้ารายย่อย ประชาชนทั่วไป ผู้มีรายได้น้อย ฯลฯ หวังว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการใช้จ่ายภายในประเทศ รวมถึงการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยในปีหน้า รัฐบาลคาดหวังจะเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาได้มากถึง 1 ใน 5 หรือราว 8 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีราว 40 ล้านคน” รมว.คลัง ระบุ
ส่วนข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้านในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการท่องเที่ยว นั้น นายอาคม กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นข้อเสนอดังกล่าว แต่คิดว่าขณะนี้ ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินของรัฐบาล ก็มีการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงภาคธุรกิจ/อุตสาหกรรมต่างๆ ครอบคลุมอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูข้อเสนอข้างต้นว่ามีเหตุผลและความน่าสนใจอย่างไร
นายอาคม ยังกล่าวถึงสถานการณ์ของภาคอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ว่า ที่ผ่านมามีจัดระดับของธุรกิจเอสเอ็มอี ภายหลังเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดฯ โดยแบ่งเป็นสีเขียว (ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก) สีเหลือง (มีโอกาสจะกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ) และสีแดง (ไม่สามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ) ทั้งในกลุ่มใหญ่คือ สีเหลือง พบว่า มีมากถึง 96% ที่สามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ จะมีส่วนที่เสียหายและกลายเป็นสีแดง มีเพียงแค่ร้อยละ 4% ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องลงไปดูว่าจะดำเนินการช่วยเหลืออย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้มีการเพิ่มวงเงินค้ำประกันเงินกู้ให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี (PGS9) แบ่งเป็นธุรกิจเอสเอ็มอีทั่วไปวงเงิน 2.5 แสนล้านบาท และไมโครเอสเอ็มอีอีก 25,000 ล้านบาท รวมเป็น 2.75 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ เพิ่มวงเงินการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกกลุ่มได้มากขึ้น และทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกหลายแสนรายจากทั้งหมด 3 ล้านราย สามารถจะเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเติมสภาพคล่องในการดำเนินงานได้ โดยมีเงื่อนไขคือจะต้องไม่ปลดหรือลดพนักงาน
ส่วนกรณีพบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดฯในบริเวณภาคเหนือของไทย จะส่งผลกระทบต่อแผนการกระตุ้นการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยวของไทยหรือไม่นั้น รมว.คลัง ระบุว่า แม้จะเป็นความบกพร่องและหย่อนยานของบางคนบางหน่วยงาน แต่การแพร่ระบาดก็ยังไม่ได้แพร่กระจายไปในหลายๆ จุด เชื่อว่ามาตรการจากนี้จะเข้มงวดมากพอจะป้องกันการแพร่ระบาดฯได้ดี ส่วนตัวไม่คิดว่าจะส่งผลกระทบใดต่อแผนการกระตุ้นการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว
“ขอความร่วมมือพี่น้องคนไทยและหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะภาคบริการ ได้โปรดการ์ดอย่าตก และต้องเข้มข้นในการรับมือกับไวรัสโควิด-19 เหมือนที่เราเคยทำมาได้แล้วก่อนหน้านี้” รมว.คลัง ย้ำ.