“ปาวองเต” น้ำว่านหางจระเข้มหัศจรรย์
หากเอ่ยชื่อ “ปาวองเต” คงมีหลายท่านสงสัยว่าคืออะไรและอาจจะไม่สนใจปล่อยเลยผ่านไป แต่หากบอกว่านี่คืออโลเวร่าที่ทำจากว่านหางจระเข้ที่มีแร่ธาตุ 200 ชนิดเป็นคุณสมบัติที่สำคัญ
อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการลดน้ำตาลในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดีสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน และยังสามารถบรรเทาโรคอีกหลายชนิดที่เป็นผลพวงจากเบาหวานได้อีกด้วย เชื่อว่าผู้ที่ได้ยินคงจะติดเบรคและหันกลับมามองอย่างสนใจ แม้ว่าสรรพคุณที่ได้ฟังอาจจะดูมากไป แต่ก็คงอยากรู้ว่าทำได้จริงหรือไม่กลับสู่จุดสตาร์ท
สัญญา ปรีชาศิลป์ ในฐานะตัวแทนที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ (Brand Ambassador) เล่าให้ฟังว่า ความจริงแล้วปาวองเตมีการผลิตและจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2546 ภายใต้ บริษัท โกร แอนด์ แกรนด์ จำกัด โดยมีลูกค้าหลักเป็นประชาชนในแถบชายแดนภาคใต้ ผ่านตัวแทนจำหน่ายแบบไดเร็กเซลล์หรือการขายตรง แต่ปัจจุบันประสบปัญหาการถูกยกเลิกออเดอร์จากไดเร็กเซลล์ เนื่องจากเห็นว่ามียอดขายในระดับที่สูง อีกทั้งเจ้าของธุรกิจขายตรงส่วนใหญ่จะเป็นแพทย์ หรือเภสัชจึงคิดค้นสูตรขึ้นมาและหันมาเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเสียเอง ดังนั้น จึงส่งผลให้ปาวองเตในวันนี้เปรียบเสมือนธุรกิจที่ต้องกลับมาสู่จุดสตาร์ทใหม่อีกครั้ง เพื่อหาหนทางก้าวเข้าสู่การทำตลาดอย่างมั่นคงอีกครั้ง
ปาวองเตเป็นผลิตภัณฑ์อโลเวร่าที่ทำจากว่านหางจระเข้พันธุ์บาร์บาเดนซิส ซึ่งถือว่าเป็นว่านหางจระเข้พันธุ์เดียวที่สามารถรับประทานได้จากจำนวนกว่า 200 สายพันธุ์ในโลก โดยสามารถปลูกได้ดีที่สุดในพื้นที่แถบแอฟริกา ซึ่งมีผลงานวิจัยรับรองสรรพคุณมากมายจากทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจากวารสารการวิจัยโรคมะเร็ง ซึ่งรายงานผลงานวิจัยจากโอกินาว่าระบุว่า อโลเวร่ามีสารต่อต้านเนื้องอกอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ Emodin, Mannose และ Lacin นอกจากนี้ยังมีผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล ที่บ่งบอกสรรพคุณอย่างชัดเจนว่าน้ำว่านหางจระเข้อโลเวร่าสามารถที่จะบรรเทาและลดน้ำตาลในเลือดได้
โปรแรงไม่ได้ผลยินดีคืนเงิน
ทั้งนี้ จากผลงานวิจัยดังกล่าวจึงเป็นที่มาของจุดเด่นที่ปาวองเตใช้การันตีกับลูกค้า และเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบหนึ่งโดยการรับรองผลในการรับประทานครบ 1 ลัง ซึ่งจะมีทั้งหมด 6 ขวด สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานซึ่งจะมีน้ำตาลในเลือดมาก สามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้ หากไม่เห็นผลยินดีคืนเงินให้ เนื่องจากมีความมั่นใจในสรรพคุณ นอกจากนี้ ปาวองเตยังช่วยรักษาอาการข้างเคียงของโรคเบาหวานไม่ว่าจะเป็นสายตาฟ่าฟาง กรดไหลย้อน สะเก็ดเงิน นิ้วชาได้อีกด้วย
“ในส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ไม่ชอบลักษณะการทำธุรกิจแบบขายตรงที่ชอบอวดอ้างสรรพคุณ หรืออย่างที่เราเห็นโฆษณาในโทรทัศน์เกี่ยวกับเครื่องออกกำลังกาย เราซื้อมาก็หวังที่จะทำให้ได้แบบนั้น แต่ปรากฏว่าปฏิบัติได้แค่วันเดียวแล้วเก็บไม่ได้ใช้อีกแล้ว ซึ่งแตกต่างกับปาวองเตซึ่งใช้แล้วเห็นผล โดยเครื่องออกกำลังกายจะต้องมีเรื่องการควบคุมอาหารเข้ามาเกี่ยวข้องและต้องใช้ระยะเวลาที่นานพอสมควร แต่ปาวองเตเห็นผลในทันทีที่รับประทานแบบที่พบจากการรีวิวในโลกออนไลน์ของผู้ใช้จริง ซึ่งจิบก่อนเข้าพบแพทย์ โดยที่ผลตรวจออกมาปรากฏว่าน้ำตาลในเลือดลดลงได้จริงและที่สำคัญปาวองเตไม่ใช่ยาแต่เป็นสมุนไพรที่ทำจากพืช ซึ่งไม่มีอันตราย”
ขณะที่กลยุทธ์ทางด้านการตลาดอีกรูปแบบหนึ่งคือการเข้าหาลูกค้าชาวอาหรับ ซึ่งปัจจุบันเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เราจึงใช้ล่ามภาษาอาหรับที่เป็นมุสลิมเข้าไปแนะนำ นอกเหนือจากการให้เซลล์เข้าไปที่โรงพยาบาลตามศูนย์เบาหวานและชุมชน เรียกว่าเป็นการทำตลาดแบบทางตรง เนื่องจากปาวองเตไม่ใช่สินค้าที่มีวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป ด้วยราคาที่คนทั่วไปอาจจะมองว่าสูงแต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและต้องจ่ายค่ายารักษาตัวอยู่แล้วถือว่าคุ้มค่ามาก โดยจำหน่ายที่ขวดละ 800 บาท ขนาด 750 มิลลิกรัม สามารถดื่มได้ 4-5 วัน ครั้งละ 50 มิลลิกรัม ก่อนอาหาร 3 เวลา
เหนือชั้นด้วยฟอยด์อะลูเจ้าเดียวในโลก
อย่างไรก็ดี ด้วยความที่กลยุทธ์ทางการตลาดมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม เราจึงมีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของสินค้าให้ดูเป็นพรีเมี่ยมขึ้น โดยในส่วนของตัวขวดจะเป็นขวดพลาสติก ซึ่งสั่งตรงเข้ามาจากสหรัฐอเมริกา โดยมีคุณสมบัติในการทนความร้อนได้ถึง 120 องศาเซลเซียส ทำให้สามารถทนแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี จากเดิมที่จะใช้บรรจุในขวดแก้ว อีกทั้งยังเสริมด้วยเทคโนโลยีฟอยด์อลู ซึ่งเป็นแผ่นฟอยด์ที่มีส่วนผสมของอะลูมิเนียมที่เป็นแร่ธาตุอย่างหนึ่ง โดยมีคุณสมบัติสำคัญในการป้องกันแสง ซึ่งปาวองเตเป็นเพียงเจ้าเดียวในโลกในการจดสิทธิบัตรใช้เทคโนโลยีดังกล่าว โดยที่ไม่มีเจ้าใดสามารถเลียนแบบได้ ซึ่งจะช่วยรักษาความสดของแร่ธาตุทั้ง 200 ชนิดที่ต้องการให้ผู้บริโภคได้รับให้มากที่สุด
“จุดเด่นที่สร้างความมั่นใจให้กับปาวองเตคือการมีโรงงานผลิตเป็นของตนเอง ซึ่งจะผลิตตามออเดอร์ตามที่ลูกค้าสั่งในแต่ละลอต ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความสดใหม่อยู่ตลอดเวลา โดยที่เราสามารถทำได้แบบนั้นเพราะเราไปตั้งโรงงานที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งจากการทดลองพบว่าเป็นพื้นที่ที่ปลูกว่านหางจระเข้พันธุ์บาร์บาเดนซิสได้ดีที่สุดในประเทศไทย โดยทำสัญญากับชาวบ้านในพื้นที่เพื่อปลูกและสงให้กับโรงงานของเราเท่านั้น โดยจากกลยุทธ์ดังกล่าวเราตั้งเป้ายอดขายภายใน 3 เดือนให้ได้ 1 ล้านบาทต่อเดือน”
สยายปีกสู่ต่างประเทศ
นอกจากนี้ การที่เจ้าของผลิตภัณฑ์ให้ความสำคัญกับพี่น้องต่างศาสนาด้วยการยื่นขอเครื่องหมายฮาลาล ซึ่งเป็นเครื่องหมายสำคัญที่ยืนยันความมั่นใจในการรับประทานอาหารของชาวมุสลิมตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจ ทำให้ปาวองเตสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขวางมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมกลยุทธ์ทางด้านการตลาดที่บริษัทต้องการขยายไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าชาวอาหรับที่ผลการวิจัยพบว่ากว่า 25% เป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากรับประทานอาหารที่ปรุงจากเครื่องเทศจำนวนมากได้สะดวกสบายมากขึ้น
“การทำตลาดที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากเดิมคือการขยายไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่ประเทศอาหรับ บรูไน อินโดนีเซีย โอมาน อินเดีย โดยกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ซึ่งต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจในการเข้าหา ปาวองเตมีข้อได้เปรียบตรงตราสัญลักษณ์ฮาลาล ทำให้เชื่อว่าจะสามารถเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มดังกล่าวนี้ได้ โดยจะช่วยเพิ่มยอดขายของบริษัททดแทนในส่วนที่ขาดหายไปจากการถูกยกเลิกออเดอร์ของไดเร็กเซลล์ที่เป็นปัญหาได้ อีกทั้งหลังจากการไปทดลองตลาดก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ประเทศบรูไนทาบทามให้ไปตั้งโรงงานที่นั่น”.