เอเชียแปซิฟิกต้องยึด 5 เสาหลักแก้ปัญหา-ฟื้นฟูศก.
PwC เผยรายงานล่าสุด Asia Pacific’s Time ชี้เอเชียแปซิฟิกต้องยึด 5 เสาหลักในการแก้ปัญหาความท้าทายที่คุกคามการเติบโตของภูมิภาค รวมทั้งเรียกร้องให้ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคสังคมร่วมกันปฏิบัติตั้งแต่ตอนนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกประเทศในภูมิภาคจะสามารถมีอนาคตที่มีความก้าวหน้าและยั่งยืนร่วมกัน
นาย เรย์มันด์ ชาว ประธาน PwC ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยถึงรายงาน Asia Pacific’s Time ที่ทำการศึกษาถึงภารกิจเร่งด่วนที่ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคสังคมต้องร่วมกันปฏิบัติตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อสานต่อความสำเร็จของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สั่งสมมากว่าสามทศวรรษว่า ในช่วงที่ผ่านมาเอเชียแปซิฟิกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เผชิญกับปัจจัยต่าง ๆ ที่คุกคามการเติบโตอย่างไม่หยุดหย่อน โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย และกลายเป็นตัวกระตุ้นให้ทุกฝ่ายต้องหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยรายงานได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของการมีผู้นำที่แข็งแกร่งที่มีวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ สนับสนุนโดยนโยบายที่เอื้อให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาล องค์กร และ สังคม
“หลักการเติบโตแบบใหม่ที่ว่านี้ต้องอาศัยความยืดหยุ่น การเป็นพันธมิตรและการเป็นเจ้าของร่วมกัน ความโปร่งใส และการมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ร่วมกันเป็นกุญแจสำคัญ” นาย ชาว กล่าว
อย่างไรก็ดี รายงานได้ระบุถึง 5 เสาหลักสำคัญที่มีความเชื่อมโยงกันซึ่งทั้งผู้นำ ผู้บริหาร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ทุกภาคส่วนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต้องนำไปปฏิบัติเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น ดังนี้
เสาหลักที่ 1 – ก้าวไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล: ธุรกิจต้องตระหนักถึงการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ดิจิทัลและต้องจัดลำดับความสำคัญของการประยุกต์ใช้โซลูชันเทคโนโลยีที่เหมาะสมทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าของตน ขณะเดียวกันบริษัทต่าง ๆ จะต้องมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงและมีความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคามในโลกไซเบอร์ด้วย
เสาหลักที่ 2 – กระตุ้นการเติบโตขององค์กรในระดับภูมิภาค: โดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐาน 3 ด้าน ประกอบด้วย ประสิทธิภาพการดำเนินงาน สินค้าและนวัตกรรมด้านกระบวนการ และความเป็นเลิศในการออกสู่ตลาด
เสาหลักที่ 3 – ปรับสมดุลห่วงโซ่อุปทานและส่งเสริมการใช้นวัตกรรม: ซึ่งจะช่วยให้องค์กรบริหารการจัดซื้อจัดจ้าง การผลิต และเครือข่ายการจัดจำหน่ายของตนได้ดีขึ้น และยังช่วยทำให้เกิดความโปร่งใสและสร้างความยืดหยุ่นให้มีมากขึ้น
เสาหลักที่ 4 – ขยายกำลังแรงงานที่มีความพร้อมสำหรับอนาคต: โปรแกรมการยกระดับทักษะที่ตรงกับความต้องการเฉพาะขององค์กรและพนักงานจะช่วยปรับปรุงความสามารถของแรงงานเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จทางเศรษฐกิจได้
เสาหลักที่ 5 – สร้างความยั่งยืนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่ออนาคตของการลดคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์: เอเชียแปซิฟิกต้องสวมบทบาทการเป็นผู้นำในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนกว่า
ด้านนายนิพันธ์ ศรีสุขุมบวรชัย หัวหน้าสายงาน Clients and Markets และหุ้นส่วนสายงานภาษีและกฎหมาย บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “แม้ว่าเอเชียแปซิฟิกจะประกอบไปด้วยประเทศต่าง ๆ ที่มีความแตกต่างกันในหลายมิติ แต่เราเชื่อว่า หากทุกภาคส่วนนำ 5 เสาหลักการเติบโตนี้ไปปฏิบัติก็จะช่วยให้เราสามารถสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้นได้ สำหรับการลงนามในข้อตกลงหุ้นส่วนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคครั้งนี้ น่าจะช่วยให้ไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ได้รับประโยชน์ในการขยายตลาดการค้าและการลงทุนระหว่างกัน รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ของผู้ส่งออกสินค้าไทยในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศอีกด้วย” นาย นิพันธ์ กล่าว