มุนแจอินเป็นผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่
มุนแจอินเข้าทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 10 พ.ค. โดยภารกิจสำคัญคือการนำพาเกาหลีใต้ออกจากสถานการณ์ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากโครงการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและความเสี่ยงที่จะแตกแยกกับสหรัฐฯ
โดยประธานาธิบดีคนใหม่มีแผนที่จะประกาศการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีและทีมที่ปรึกษาของประธานาธิบดี โดยเร็วที่สุดเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นทางการเมืองกลับคืนมา หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินยืนตามมติของสภาที่ให้ถอดถอนอดีตประธานาธิบดีพัคกึนฮเย ในข้อหาคอร์รัปชั่นเมื่อเดือนมี.ค.
คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งเกาหลีใต้ประกาศว่านายมุนแจอินชนะการเลือกตั้งหลังเวลา 8.00 น.ของวันที่ 10 พ.ค.ตามเวลาท้องถิ่น และกลายเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่อย่างเป็นทางการ
ประธานาธิบดีมุนจะมีการพูดคุยกับสื่อในฐานะผู้นำประเทศในเวลา 14.30 น.ในวันเดียวกัน หลังจากเสร็จสิ้นพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งแล้ว โดยเขาจะมีการประกาศรายชื่อผู้ที่จะมาทำหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญในฐานะนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ หัวหน้าทีมที่ปรึกษา และหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ในสภากล่าว
สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า ประธานาธิบดีมุนตัดสินใจเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดอีนัคยอนเป็นนายกรัฐมนตรี ถึงแม้โฆษกส่วนตัวของประธานาธิบดีมุนจะกล่าวว่า เขายังไม่พร้อมจะรายงานและปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติม
ในฐานะประธานาธิบดี นายมุนต้องหาหนทางที่จะไกล่เกลี่ยการทะเลาะเบาะแว้งกับเกาหลีเหนือเพื่อบรรเทาผลกระทบจากโครงการสะสมอาวุธและทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ขณะที่ต้องทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของเกาหลีใต้
แนวทางการบริหารของสหรัฐฯ ต้องการที่จะเพิ่มแรงกดดันเกาหลีเหนือผ่านการโดดเดี่ยวและมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งตรงข้ามกับแนวนโยบายเสรีนิยมของผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่
นอกจากนี้ เขายังต้องหาทางผ่อนคลายความตึงเครียดกับจีน ซึ่งไม่พอใจอย่างรุนแรงที่เกาหลีใต้ยอมให้สหรัฐฯ มาติดตั้งระบบ THAAD ซึ่งเป็นระบบสกัดอาวุธพิสัยไกลเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงแสดงความยินดีกับชัยชนะของประธานาธิบดีมุนแจอิน
ทั้งนี้ ความท้าทายอื่นๆ ที่ผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่ต้องเจอยังรวมถึงการปรับปรุงฟื้นฟูความเชื่อถือของสังคมที่มีต่อการเมือง จากข่าวฉาวด้านการทุจริตฉ้อโกงที่สั่นคลอนธุรกิจในเกาหลีใต้และผู้มีอิทธิพลในการเมือง
“ ผมจะทำให้ประเทศมีเอกภาพ ผมจะเป็นประธานาธิบดีที่รับใช้ประชาชนทุกคนที่ไม่สนับสนุนผม ” ประธานาธิบดีมุนในวัย 64 ปีกล่าวกับกลุ่มคนที่มารวมตัวกันในช่วงก่อนเที่ยงคืนเพื่อพบกับอดีตทนายความด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งเข้ามาเล่นการเมืองด้วยการเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเมื่อ 5 ปีก่อน.