คลังมุ่งสู่ “e-Payment”
“อภิศักดิ์” ไขลานส่วนราชการ ดีเดย์เริ่มใช้เครื่องอีดีซี ทั่วประเทศวันที่ 27 มี.ค.ทั้งทางด้านการจ่ายและรับเงิน ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ขานรับ ลดเวลาการชำระเงินและการโอนเงินจากการขายหุ้น เดิม 3 วันหรือT+3 เหลือ T+2 ธนาคารพาณิชย์รับติดตั้งระบบ Request to pay กระตุ้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หลังพบปัญหาสินค้าไม่ได้มาตรฐานและมีการโกงเพิ่มมากขึ้น
“การพัฒนาระบบชำระเงินด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ยังคงเดินหน้าไปต่อ ล่าสุดร้านค้าได้ติดเครื่องอีดีซีแล้ว 400,000 เครื่อง หรือ 140,000 ร้านค้า จากเป้าหมาย 500,000 เครื่อง และในเดือนมี.ค.เครื่องอีดีซี อีก 18,000 เครื่อง หน่วยงานรัฐจะพร้อมติดตั้งและให้บริการทั่วประเทศ” นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังจากผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์การชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Nationnal e-Payment) เมื่อวันที่ 2ก.พ.2561 และกล่าวว่า
ที่ประชุมได้กำหนดให้ทุกหน่วยงานของภาครัฐ ต้องรับและจ่ายเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเครื่องรับชำระเงินอัตโนมัติ (อีดีซี) โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.เป็นต้นไป ซึ่งในวันนั้น จะมีเครื่องอีดีซี 18,000 เครื่องให้บริการทุกหน่วยงานราชการ อย่างไรก็ตาม ภายใน 2 สัปดาห์นี้ กระทรวงการคลังจะมีคำสั่งให้กรมบัญชีกลางออกประกาศให้ทุกหน่วยงานรับทราบและเป็นระเบียบปฏิบัติ เรื่องการรับและการจ่ายเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเครื่องอีดีซี รวมถึงการโอนเงินและการรับเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น QR Code คิวอาร์โค้ค อินเตอร์เน็ตแบงก์กิ่ง เป็นต้น โดยกระทรวงการคลังไม่อยากใช้วิธีการบังคับให้ประชาชนที่ไปใช้บริการหน่วย งานของรัฐจะต้องใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด แต่หากใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก
“ขณะนี้ ยังไม่อยากบังคับใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด แต่หากส่วนนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในเรื่องการจ่ายเงินแล้ว ทาง ด้านการรับเงินก็ควรจะเป็นอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเช่นกัน เช่น การชำระภาษี การชำระค่าธรรมเนียน และค่าปรับต่างๆ เป็นต้น”
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้รับรายงานจากตลาดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยได้มีการเตรียมความพร้อมที่จะลดระยะเวลาการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เหลือ 2 วันทำการ (T+2) จากเดิม 3 วันทำการ หรือ (T+3) โดยจะเริ่มในวันที่ 2 มี.ค.นี้ และเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยง ลดภาระต้นทุน และช่วยให้บริษัทหลัก ทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) มีความสะดวกมากขึ้น
“เมื่อรัฐรับจ่ายเงินเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะทำให้เอกชนตื่นตัวในการจ่ายเงินระบบอิเล็กทรอนิกส์ ด้านรัฐวิสาหกิจก็ได้รับคำ สั่งให้ไปดู คาดว่าหลังจากนี้ไม่เกิน 6 เดือนจะดำเนินการได้ และถือเป็นจุดเปลี่ยนแปลงระบบชำระเงินของประเทศ และเป็นจุดเริ่มต้นยุคดิจิตอลของประเทศไทยด้วย”
นายอฺภิศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการให้บริการพร้อมเพย์นั้น ที่ประชุมได้มีการหารือถึงการพัฒนาระบบ Request to pay โดยให้ผู้จ่ายเงินสามารถกำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงินได้ เมื่อผู้ซื้อของได้รับสินค้าที่ถูกต้องตามที่สั่ง ซึ่งระบบดังกล่าว จะมีการจ่ายเงินให้กับผู้ขายกภายใต้การกำกับดูจากธนาคารพาณิชย์ ในฐานะตัวกลาง ซึ่งในเรื่องนี้ ที่ประชุมได้ตกลงกันว่า ธนาคารทุกแห่งจะไม่คิดค่าธรรมเนียมการให้บริการ Request to pay เพิ่มเติม โดยเชื่อว่า ระบบนี้จะส่งผลดีต่อการทำ e-Commerce เพราะจะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น ปัญหาเรื่องผู้ซื้อได้รับสินค้าไม่ดี ไม่มีคุณภาพหรือไม่ได้ตามที่สั่งไว้ ก็จะลดลงหรือหมดไป ซึ่งทางสมาคมธนาคารไทยจะนำเรื่องไปดำเนินการต่อไป
สำหรับการจะมีการติดตั้งเครื่องรับชำระเงิน (EDC) ที่ใช้ในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ล่าสุด คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณ 130 ล้านบาท ติดตั้งเครื่องเพิ่มอีก 20,000 เครื่อง จากปัจจุบันมีได้ติดตั้งเครื่องอีดีซีไปแล้ว 20,000 เครื่อง ซึ่งจะทำให้มีปริมาณเครื่องอีดีซีเพิ่มขึ้นเป็น 40,000 เครื่อง ซึ่งเพียงพอกับการให้บริการของร้านค้าธงฟ้าราคาประหยัดของกระทรวงพาณิชย์ ส่วนข้อกังวลของประชาชนที่อาจยังไม่มั่นใจในการทำธุรกรรมผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ หลังเกิดปัญหาระบบพร้อ มเพย์ล่มนั้น รมว.คลัง กล่าวว่า ไม่อยากให้ประชาชนกังวลใจ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมีเหมือนกันทั่วโลก แต่สิ่งที่ทำได้คือ ทางธนา คารต้องไปหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด.