บ.สหรัฐฯ คาดธุรกิจในจีนดีขึ้นหลัง ‘ไบเดน’ ชนะ
เมื่อวันที่ 20 พ.ย. หอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้ระบุว่า แนวโน้มของธุรกิจสหรัฐฯในจีนกำลังพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น หลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ
จากทั้งหมด 124 บริษัทที่มีการสำรวจในวันที่ 11 – 15 พ.ย. มีเพียง 2 บริษัทที่ระบุว่า พวกเขามองในแง่ลบเกี่ยวกับการทำธุรกิจในจีน หลังโจ ไบเดนชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ในเดือนนี้
มีมากกว่าครึ่ง หรือ 54.8% ที่ระบุว่า พวกเขามองในแง่บวกมากขึ้น และ 8.1% ระบุว่าพวกเขามองในแง่ดีสุดๆ หวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
“ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มองในแง่บวก” เคอร์ กิบบ์ส ประธานหอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้ (AmCham Shanghai) กล่าวในการให้สัมภาษณ์ “ รัฐบาลของไบเดนจะส่งผลดีกับเสถียรภาพของสภาพแวดล้อม เสถียรภาพของความสัมพันธ์”
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนยกระดับขึ้นภายใต้การบริหารของรัฐบาลทรัมป์ ทั้งสองประเทศต่างมีมาตรการภาษีตอบโต้กันมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับสินค้าระหว่างกัน ทำเนียบขาวยังขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีของจีน และบริษัทจีนอื่นๆ ไม่ให้บริษัทเหล่านี้ซื้อสินค้าไฮเทคจากซัพพลายเออร์สำคัญในสหรัฐฯ
ภายใต้การบริหารของรัฐบาลไบเดน มีเพียง 5.6% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่คาดว่าจะมีการเก็บภาษีมากขึ้นระหว่างสองประเทศ ขณะที่ 70.2% คาดว่า รัฐบาลใหม่จะทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ เพื่อกดดันความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน
การสำรวจของ AmCham Shanghai จัดทำร่วมกับ PwC และ 50 สมาชิกหอการค้าที่มีรายได้ทั่วโลกมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่การสำรวจมีขนาดเล็กกว่าการสำรวจบรรยากาศทางธุรกิจประจำปีของ Amcham Shanghai ที่มีผู้ตอบแบบสอบถาม 346 ราย ซึ่งจัดทำขึ้นในวันที่ 16 มิ.ย. – 16 ก.ค.ในปีนี้
ผลสำรวจพบว่า บริษัทส่วนใหญ่ที่มีการผลิตในจีนตั้งใจจะคงฐานการผลิตในจีนต่อไปในอีก 3 ปีข้างหน้า มีเพียง 3 บริษัทเท่านั้นที่มีแผนย้ายฐานการผลิต 30% ไปต่างประเทศ
แต่ไม่ใช่ทุกบริษัทที่รู้สึกดีกับการประกอบธุรกิจในจีน โดย 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสำรวจแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเข้มงวดของหน่วยงานภาครัฐจีนที่มีกับพนักงานของบริษัท
ผลสำรวจยังพบว่า มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 13.7% ที่ตั้งใจจะลงทุนเพิ่มในจีน โดยส่วนใหญ่ยังไม่ได้ตัดสินใจแผนการพัฒนาในจีน
“ ความตึงเครียดทางการค้ายังไม่จากไปไหน” กิบบ์สกล่าว “ ยังคงมีปัญหาทางโครงสร้างที่จำเป็นต้องแก้ไข”
ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนออกนโยบายใหม่ในการพัฒนาบรรยากาศทางธุรกิจต่างประเทศ แต่นักวิจารณ์ระบุว่า การบังคับให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี ขาดการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และจำกัดการเข้าถึงตลาด ยังคงเป็นประเด็นปัญหาสำคัญในจีน