7 อดีตนายก ฯ เขย่า ‘ประยุทธ์’
บอร์ดสมานฉันท์ แก้วิกฤต ‘ราษฎร’
คณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ฉบับ “ชวน หลีกภัย” ก่อร่าง-ขึ้นโครงด้วยเสา 7 ต้น 7 อดีตนายกฯ เพื่อ “ดึงฟืนออกจากไฟ” ที่มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนที่ 29 – กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ราษฎร” เป็น “คู่ขัดแย้ง”
3 ชนวน – 3 ข้อเรียกร้องในกองเพลิงของ “ราษฎร” 1.ประยุทธ์ออกไป 2.รื้อรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และ 3.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เป็น “เชื้อไฟ” บั่นทอนเสถียรภาพ “ระบอบประยุทธ์และพ้องเพื่อน”
เสาต้นแรก “ชวน” อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 20 ผู้มีบารมีทางการเมือง-ต้นทุนประชาธิปไตยสูง รับบท “มือประสาน” อดีตนายกฯ – อดีตประธานสภาทั้งทางตรงและทางอ้อม
เสาต้นที่ 2 “อานันท์ ปันยารชุน” อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 18 ปัญญาชนสยาม “ปีกอนุรักษ์นิยม” ที่ออกมากระตุกพล.อ.ประยุทธ์แรง ๆ
“เด็กเขายืนยันว่า นายกฯ (พล.อ.ประยุทธ์) เป็นตัวปัญหา ท่านนายกฯเป็นคนเดียวที่ปลดล็อกได้ ด้วยวิธีลาออกผมไม่รู้ ถึงท่านไม่ลาออกผมก็ไม่ว่าอะไร เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่ท่านต้องรู้นะ เขาเรียกร้องอย่างนั้น ฟังหรือเปล่า ได้ยินหรือเปล่า”
“เรื่องรัฐธรรมนูญ หนึ่ง ควรจะสั้นกว่านี้ สอง มาตราที่สร้างปัญหา แน่นอน 250 ส.ว.แต่งตั้งและมีอำนาจเลือกนายกฯ ต้องออกไปแน่ ๆ มาตรา 112 สิ่งต้องทำทันที ต้องไม่เป็นคดีอาญา เป็นคดีแพ่งเท่านั้น”
เสาต้นที่ 3 “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 22 – อดีตผู้บัญชาการทหารบก หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 “บิ๊กจิ๋ว” รับบทบาท “โซ่ข้อกลาง” ระหว่างกลุ่มที่ขับไล่-สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ยศในขณะนั้น)
เสา (หลัก) ต้นที่ 4 “บิ๊กแอ๊ด” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 24 – อดีตผู้บัญชาการทหารบก ปัจจุบันสวมหมวก“ประธานองคมนตรี” อีกใบหนึ่ง เป็น “ข้อต่อพิเศษ” แก้วิกฤต-ดับไฟคนหนุ่มสาว
เสาต้นที่ 5 “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 26 “เขยชินวัตร” ที่สามารถ “ต่อท่อ” กับ อดีต 2 นายกผู้พี่ทักษิณ-ผู้น้องยิ่งลักษณ์ได้โดยตรง
เสาต้นที่ 6 “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 เป็น “คนแรก” ที่ออกมา “ฟันธง” ว่า “พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นศูนย์กลางความขัดแย้ง” และ เสาต้นที่ 7 – อยู่ระหว่างเทียบเชิญ “ธานินทร์ กรัยวิเชียร” อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 14
รัฐบาลประยุทธ์ 2 – ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 2 เต็มวัย ต้องเผชิญกับ “วิกฤตซ้อนวิกฤต” ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ-โควิด 19 และวิกฤตการเมือง และการเปลี่ยนผ่าน-ช่วงรอยต่อระหว่างรุ่น
การขึ้นรูป “บอร์ดปรองดอง-สมานฉันท์” จึงเป็น “พื้นที่ตรงกลาง” ให้ “คู่ขัดแย้ง” และมีผลถึง “สองเด้ง”
เด้งแรก เป็นการ “ลดแรงกระแทก” ให้ “บิ๊กตู่” จากกลุ่ม “ราษฎร” แม้พล.อ.ประยุทธ์จะ “ขอสงวนสิทธิ์” ไม่รับข้อเสนอ-ไม่ลาออก ขณะที่ “ราษฎร” ยังคงมี “บิ๊กเซอร์ไพรส์” เดินขบวนกดดันเบิ้ม ๆ
“เด้งที่สอง” เป็นการ “ประนีประนอม” กับ “ผู้มีอำนาจ” เพื่อหา “ทางลง” ให้กับทุกฝ่าย และ “บีบ” ให้พล.อ.ประยุทธ์-กลุ่มราษฎรต้องคิดใหม่-ทำใหม่ เพราะไม่มีใครได้-ใครเสีย 100 เปอร์เซ็นต์
โดยมีจุดเริ่มต้นของการเจรจา คือ การ “นิรโทษกรรม” แกนนำ-ผู้ชุมนุมในคดีที่เกี่ยวกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ยัง “ปิดช่อง” การใช้ “อำนาจนอกกฎหมาย” ไม่ให้เกิดการปฏิวัติ อาศัยความเป็น “อดีตผู้บังคับบัญชา” และ “รุ่นพี่” ในกองทัพ-ในทำเนียบ เปิดอกประสารุ่นพี่-รุ่นน้อง เตรียมทหาร-อดีตนายกฯ
นับจากนี้จึงขึ้นอยู่กับ “บิ๊กตู่” และ “ราษฎร” ว่าจะยอม “ลดราวาศอก” ระหว่างกันได้มากน้อยแค่ไหน