“อดีตพระพุทธะอิสระ” ปักหลักหน้าสภา ค้านปฏิรูปสถาบันฯ
อดีตพระพุทธะอิสระ นัดรวมพล ค้านตั้ง กมธ.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 26 ต.ค. ที่ด้านหน้าอาคารรัฐสภา ก่อนที่จะมีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมในนามศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ (ศปปส.) นำโดยนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ (อดีตพระพุทธะอิสระ) แต่งชุดเหลือง มาแสดงพลัง ปกป้องสถาบันฯ และป้องกันการเดินทางการยังอาคารรัฐสภาของคณะราษฎร
กระทั่งต่อมา นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ ได้ออกมารับหนังสือที่เสนอถึงประธานรัฐสภา โดย ศปปส. ขอคัดค้านการตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เนื่องจากมีความคิดเห็นว่าไม่ควรนำเอาสถาบันมาอภิปรายกันในรัฐสภา พร้อมขอคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญในข้อที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกมาตรา
โดย นายสุวิทย์ กล่าวถึงที่มาของการยื่นหนังสือครั้งนี้ของกลุ่ม ศปปส. ว่า เนื่องจากมีกระแสข่าวที่เกิดขึ้นจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านบางพรรค และมีกลุ่มผู้ชุมนุมผู้ไม่หวังดีต่อความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์บางส่วน ได้มีการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน ขณะเดียวกันยังพบว่า มีผู้ไม่หวังดีได้ออกมาพยายามแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อสถาบันด้วย ตนจึงมีความคิดเห็นว่า พฤติกรรมดังกล่าวอาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากประเทศไทย ประกอบด้วยสามสถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
โดยรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดได้ และกล่าวหามิได้ ซึ่งเป็นการให้ความคุ้มครองต่อองค์พระประมุขของรัฐตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดหน้าที่ของพลเมืองในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข โดยวัตถุประสงค์ของการยื่นหนังสือครั้งนี้ เพื่อความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ และเพื่อพิทักษ์รักษาองค์พระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทยตลอดมา
ขณะที่ เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวกราบเรียนประธานรัฐสภาทราบ ทราบเพื่อพิจารณาให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี (ครม.) ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และวุฒิสภา ได้ร่วมหารือก่อนจะได้ข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาและลดความรุนแรงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันต่อไป เนื่องจากรัฐสภาเป็นสถาบันที่หาทางออกให้กับประเทศได้