วัดถ้ำเมืองนะศรัทธาสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่
เชียงใหม่ เมืองใหญ่เก่าแก่สืบอายุนานไปได้นับหลายร้อยปีเป็นเมืองสำคัญทางภาคเหนือของดินแดนสุวรรณภูมิ
รวมถึงเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมล้านนาอีกด้วย ปัจจุบันเมืองเชียงใหม่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่อยู่ของคนหลายล้านคนทั้งที่เป็นคนเชียงใหม่ดั้งเดิม คนเหนือจากจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาทำงานเนื่องจากเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจและการศึกษาของภาคเหนือ คนกรุงเทพไปอาศัยและทำธุรกิจที่นั่น คนต่างชาติที่ไปอยู่เชียงใหม่เป็นการถาวร เช่น ชาวญี่ปุ่นที่เกษียณแล้วอยู่กันเป็นชุมชน รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งฝรั่งคนขาว คนไทยเอง คนจีนจำนวนมาก หรือชาวต่างชาติอื่น ๆ ต่างก็เข้ามาท่องเที่ยวเชียงใหม่ปีละหลายล้านคน อาจจะไม่มากมายเท่ากรุงเทพฯ หรือภูเก็ต แต่ก็ถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวระดับคุณภาพกระเป๋าหนักพร้อมจ่ายกันเลยทีเดียว
คนที่เที่ยวเชียงใหม่มาแล้วหลายสิบครั้งคงจะทราบดีถึงแหล่งอาหารการกิน กาแฟที่ไหนอร่อย ผับที่ไหนเจ๋ง ม่อนไหนถ่ายรูปแล้วสุดแสนจะโรแมนติก ดอยไหนหน้าไปควรค่าแก่เวลาในการขึ้นไปกางเต้นท์พักผ่อน รวมถึงวัดที่มีอยู่จำนวนมากหลายร้อยวัดกระจายอยู่ทั่วเมือง แต่ในบรรดาวัดที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นสืบสานมาหลายร้อยปีนั้น มีวัดอยู่วัดหนึ่งที่อยู่ไกลโพ้นในพื้นที่อำเภอเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่ติดกับพม่า เป็นวัดที่เกิดขึ้นจากพลังศรัทธาของผู้คนในหลวงตาท่านหนึ่ง จนบังเกิดเป็นวัดที่มีสิ่งปลูกสร้างและศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ วัด ๆ นี้ชื่อวัดพุทธพรหมปัญโญ หรือที่เรียกว่า “วัดถ้ำเมืองนะ” นั่นเอง
หลวงตาม้า วิริยธโร มีชื่อเสียงเรียงนามในเรื่องการนำคำสอนและแนวทางปฏิบัติของหลวงปู่ทวดมายึดปฏิบัติ ด้วยความที่ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ซึ่งท่านเป็นผู้นำวิถีปฏิบัติของหลวงปู่ทวดอีกทีหนึ่ง ซึ่งจะเน้นการสวดมนต์ภาวนาบทสวดพระมหาจักพรรดิเป็นแนวปฏิบัติสำคัญ
วัดถ้ำเมืองนะ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ร่วมร้อยกว่ากิโลเมตร โดยจากตัวเมืองวิ่งเข้าเส้นแม่ริม ผ่านแม่แตง เข้าเชียงดาว ผ่านดอยหลวงไปสักนิด ให้ไปซ้ายมุ่งหน้าเมืองนะ (ถ้าไปทางขวาจะขึ้นอ่างขางด้านไชยปราการ) เมืองนะจะเป็นเมืองชนบทขนาดเล็ก ๆ ที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาใหญ่สองฝั่งฟาก อยู่ในแนวเขาถนนธงชัยที่ข้ามสันเขาไปนิดเดียวก็เป็นเขตพม่าแล้ว
ถึงแม้ว่าการเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่จะค่อนข้างจำกัดเพราะต้องอาศัยรถโดยสารสายเชียงดาวท่าตอนแล้วต่อรถมาถึงเมืองนะ แต่ก็ไม่ยากเกินพลังศรัทธาของผู้คนจำนวนมากจากทั่วประเทศ แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่มีความสุขกับการขับรถแล้วล่ะก็ ถนนช่วงตั้งแต่ที่แยกเข้าเมืองนะแถว ๆ เลยดอยหลวงมาหน่อยนึงนั้นมีความพิเศษออกไป เนื่องจากสามารถสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ในวิวและบรรยากาศได้อย่างน่าอัศจรรย์ หนทางเป็นเนินใหญ่สลับเล็กสองเลนเรียบที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และท้องทุ่งกว้าง สามารถขับได้ที่ความเร็วไม่สูงมากนักแบบไม่แตะเบรคได้ มีการขึ้นเนินลงหุบเป็นช่วง ๆ สนุกจนบอกไม่ถูก ช่วงไฮไลท์คือช่วงระยะทางยาวประมาณ 3 กิโลเมตรทางตรงยาวมีโค้งนิด ๆ พอให้พวงมาลัยตึงมือ ด้านขวาเป็นท้องทุ่งกว้างสลับเนินสูงหลั่นกันเป็นชั้น ๆ เหมือนภาพวาด ด้านขวาเป็นภูเขาสูงตระหง่านที่ห่างจากตัวถนนประเมินด้วยสายตาไม่ต่ำกว่า 1 กิโลเมตร แต่ลักษณะเป็นทุ่งลาดเอียงเหมือนทางกระโดดรถสูงชันไล่ไปจนถึงกลางความสูงภูเขา ความสูงตระหง่านของเทือกเขาที่ด้านหลังคือประเทศเพื่อนบ้านนี้สูงใหญ่มากขนาดบังแสงอาทิตย์ยามบ่ายที่ทอดเลยข้ามทอดผ่านไปถึงเนินเขาอีกข้าง การเปิดกระจกครึ่งบานขับรถด้วยความเร็วประมาณ 60 กม/ชม ที่เกียร์ 3 โดยมีวิวที่เหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งนั้นคือความวิเศษของประสบการณ์ในการขับรถของชีวิตเลยทีเดียว
ผ่านไฮไลท์การขับรถมาแล้วยังไม่ทันจะหายใจชุ่มดี ก็จะเจอชุมชนชาวบ้านเล็ก ๆ ก่อนเข้าตัววัด ตัววัดนั้นมีลักษณะแปลกไม่เหมือนวัดใด ๆ ในเชียงใหม่ ไม่เหมือนวัดถ้ำอื่น ๆ จะว่าไปแล้วไม่เหมือนวัดใดๆ ที่เคยสัมผัส ไม่อาจบ่งบอกที่มาของศิลปะสถาปัตยกรรมได้ เพราะเบื้องหน้าเป็นหน้าผาสูงตระหง่าน มีการสร้างอาคารขนาดใหญ่แนบติดกับหน้ผาด้านหนึ่ง ดูคล้าย ๆ หน้าผามีชีวิต กำลังเข้ากลืนกินอาคารนี้เข้าไปทั้งหลัง อาคารหลังนี้เป็นเหมือนอาคารเอนกประสงค์ มีชั้นสองชั้นสามเป็นห้องพักสำหรับผู้เข้ามาปฏิบัติธรรมแยกส่วนชายหญิงชัดเจน แต่ละชั้นเชื่อมกันด้วยบันไดและทางลาดที่มีความเอียงน้อยมากเชื่อมถึงกัน วนไต่ไปจนถึงชั้นบนสุดหลังคาสูงขนาดโรงยิมใหญ่ ปรากฎเป็นลานกว้างที่มีผู้ปฏิบัติธรรมมานั่งสมาธิสวดภาวนาบทสวดจักรพรรดิ์มากมาย ส่วนที่ติดผาเป็นเวิ้งถ้ำขนาดที่มีคนนั่งสวดมนต์กันอย่างหลวม ๆ ได้ 20-30 คนแบบสบาย ๆ
หลวงตาม้านั้นมีเรื่องเล่าขานมากมายขนาดที่มีลูกศิษย์อยู่ทั่วประเทศและข้ามไปถึงฝั่งพม่ากันเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าเรื่องเล่าจะไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่ชัด แต่พลังศรัทธาของวัดถ้ำเมืองนะแห่งนี้ดึงดูดคนจำนวนมากดั้นด้นเดินทางมาถึงขอบประเทศได้อย่างที่บทสวดจักรพรรดิ์ไม่เคยเงียบเลย 24/7 มาเป็นระยะเวลาหลายปี ใครตื่นมาก็สวด ถึงเวลาก็พักผ่อน แต่ก็จะมีลูกศิษย์ลูกหาคนอื่น ๆ มาสวดต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
ศิลปะของโบสก์หลังย่อมที่สร้างใหม่รังสรรค์ด้วยศิลปินที่ศรัทธาในหลวงตา สร้างเป็นโบสถ์ที่มีรูปสลักและภาพเขียนที่มีสีสันดุจราวสวรรค์ชั้น 7 มีเหล่าเทพยดาส่องดวงโคมประทีปตามเสา และภาพฉายพระพุทธเจ้าในแบบศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ไม่สามารถบรรยายได้ ถัดจากโบสถ์จะเป็นส่วนห้องพักที่อยู่หลังหน้าผานี้ไปเป็นห้องเดี่ยว ๆ สำหรับฤาษีเข้ามานั่งสวดภาวนาด้วย (อ่านไม่ผิด…ฤาษีแบบที่ไม่ปลงผมปลงหนวดนั่นล่ะ)
สิ่งปลูกสร้างที่ทั้งวิจิตรและอัศจรรย์นี้ล้วนเกิดจากพลังศรัทธาในศิษย์ที่หวังจะแผ่หลักวิธีปฏิบัติที่เป็นแนวทางเฉพาะที่สืบสายมาจากหลวงปู่ทวดและหลวงปู่ดู่ ที่เนรมิตให้วัดถ้ำเมืองนะ อำเภอเล็ก ๆ ที่อยู่ขอบสุดติดชายแดน กลายเป็นแหล่งรวมศรัทธาและยังหมายรวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้สถานที่อื่น ๆ ในเชียงใหม่อีกที่หนึ่งได้อย่างเต็มภาคภูมิเลยทีเดียว