สรุปข่าว 13-9-63
ส่องหุ้นไทย : ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (14-18 ก.ย.) ถูกมองจาก บจ.กสิกรไทย งว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,250 และ 1,240 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,285 และ 1,300 จุด ตามลำดับ ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ผลการประชุมเฟด (15-16 ก.ย.) ส่วนประเด็นการเมืองในประเทศ ก็ไม่ควรมองข้าม รวมถึ การพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเพิ่มเติม สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ.
น้ำมันยังลงได้อีก : นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความต้องการน้ำมันที่อ่อนแอทั่วโลก และการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกนั้น มีแนวโน้มที่จะกดดันราคาน้ำมันต่อไป โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุเมื่อวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากปรับตัวลงติดต่อกัน 6 สัปดาห์
ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า อาจลดลง 500,000 บาร์เรล ขณะที่ สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ ย้ำว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้มีแนวโน้มราคาน้ำมันโลกปรับตัวลดลง เห็นได้ชัดจาก สัญญาซื้อขายล่วงหน้าสัญญาน้ำมัน เวสต์เท็กซัส (WTI) ต.ค. และน้ำมันเบรนท์ พ.ย. มีการปรับลดราคาลงอย่างต่อเนื่อง.
ทองลดทั้งโลก : ราคาทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ ปิดตลาดวานนี้ (12 ก.ย.) ยังคงหดตัวลงถึง -5.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ -0.30% โดยปิดที่ 1,940.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในไทย สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำเพียงครั้งเดียว โดยเปิดตลาดลดลงจากวันก่อน และปิดลดลงถึง 150 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้อที่ 28,600 บาท ขาย 28,700 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณ รับซื้อที่ 28,091.48 บาท ขาย 29,200 บาท.
บาทสัปดาห์หน้า : ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (14-18 ก.ย.) ที่ 31.20-31.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) (15-16 ก.ย) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) (16-17 ก.ย.) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) (17 ก.ย.) ปัจจัยทางการเมืองในประเทศ สถานการณ์โควิด-19 ในไทยและต่างประเทศ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน.
ยึดเซฟตี้ : น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาฯพรรคเพื่อไทย คาดการชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย. ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ภายใต้ชื่อ “19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร” จะมีผู้ร่วมชุมนุมจำนวนมาก แนะผู้รับผิดชอบทั้งผู้จัดชุมนุม และเจ้าหน้าที่รัฐ จะดูแลการชุมนุมอย่างรอบคอบรัดกุม ยึดเอาความปลอดภัยของประชาชน หวังว่าจะไม่มีปัญหาการสื่อสารเหมือนวันที่ 16 ส.ค. และรัฐบาลจะประสานงานผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเดิม.
ยังปกติดี : นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ และเลขาธิการพรรค พปชร. ชี้ การจัดชุมนุม 19 ก.ย. ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เป็นวิถีทาง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เชื่อมั่นว่าไม่น่ามีอะไรที่หนักหนา เชื่อคงไม่ใครอยากเห็นบ้านเมืองไปสู่ความยากลำบากไปกว่านี้ เท่าที่ติดตามสอบถามสถานการณ์จาก ส.ส.ในแต่ละพื้นที่ ยังไม่มีอะไรเป็นที่น่าวิตก ยังเป็นเรื่องปกติอยู่.
สร้างสถานการณ์ : ทนายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก ระบุ จากประสบการณ์ชุมนุมมากกว่า 4 ครั้ง ช่วงที่ผ่านมา ยืนยันว่าการชุมนุม 19 ก.ย. มีความปลอดภัยแน่นอน หากจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นก็คือมาจากเจ้าหน้าที่รัฐที่จะมาสร้างสถานการณ์ จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ต้องร่วมกันทำให้การชุมนุมเป็นไปได้ด้วยดี และครั้งนี้มีความสำคัญเพราะเป็นการชุมนุมของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กว่าทุกครั้ง.
คว่ำแก้ รธน. : นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ชี้ 4 ประเด็นแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราของฝ่ายค้าน มีเจตนาต้องการไม่ให้ ส.ว.โหวตผ่าน เพราะรู้อยู่แล้วว่า ส.ว.ไม่เอาด้วยแน่ ส่วนตัววิเคราะห์ว่า ส.ว. จะไม่รับทั้ง 4 ญัตติ รวมถึงการตั้ง ส.ส.ร. มายกร่างใหม่ด้วย โดยตนจะโหวตไม่รับทั้ง 4 ญัตติ ย้ำประเทศเผชิญวิกฤติหลายเรื่อง ควรเอาเวลาไปแก้ปัญหาประเทศก่อน ไม่ใช่มาเล่นการเมืองขับไล่รัฐบาล.
ไปทวงถาม : นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคก้าวไกล ชี้การที่ สถ.เลื่อนการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ และเบี้ยความพิการ ถือความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐที่รุนแรงที่สุด ไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่รัฐบาลกลับดูแลไม่ได้ ผลกรรมตกอยู่ที่ประชาชน ย้ำ! อย่าเอาความทุกข์ของประชาชนมาเป็นตัวประกันต่อความห่วยแตกของรัฐบาล ยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าหากครบกำหนดแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้า จะเดินทางไปทวงถามกับกรมบัญชีกลางด้วยตัวเอง.
เชื่อมั่นมาก : สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ผลการสำรวจจากประชาชน หัวข้อ “เชื่อมั่นลุงตู่หลังศึกอภิปราย” ชี้ 88.9% เห็นเป็นเรื่องเดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่ 74.8% บอกเป็นพฤติกรรมนักการเมืองในการอภิปรายแบบเดิมๆ และ 96.7% ยังมองเป็นการขยายความแตกแยกของคนไทย ขณะที่ 78.1% ยังเชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุดต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์-โอชา จากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว จ้างงานบัณฑิตจบใหม่ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ.
ชิงท้องถิ่น : นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษก ปชป. ย้ำ พรรคฯส่งผู้สมัครลงแข่งขันเลือกตั้งท้องถิ่นระดับต่างๆ หลังจากกกต. แถลงพร้อมจัดการเลือกตั้งฯ เมื่อรัฐบาลกำหนดช่วงเวลามา ทั้งนี้ พรรคฯมีบุคลากรหลากหลาย มีรองหน.พรรคที่รับผิดชอบภาคต่างๆ จัดเตรียมการเลือกตั้งท้องถิ่นเต็มรูปแบบ มีคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ทั้งนี้ หากประกาศให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น จะได้เห็นชื่อคนรุ่นใหม่ก้าวลงสนามการเมืองท้องถิ่นหลายคน.
นำเข้าโควิดฯ : ศบค.ระบุ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19ใหม่ในไทย รวม 5 ราย เป็นการนำเข้าจาก 4 ประเทศ แยกเป็นจากญี่ปุ่น 1 ราย อินเดีย 2 รายและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย รวมนักฟุตบอลชาวอุซเบกิสถาน 1 ราย ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ หากนับรวมผู้ป่วยทั้งหมดจะมีรวมกัน 3,466 ราย แต่ยังเหลือผู้ป่วยยังรักษาอยู่จริงเพียงแค่ 96 ราย.