“อนุดิษฐ์” โชว์โปรไฟล์ หลัง “บิ๊กตู่” แขวะ เป็นทหารไม่รุ่ง
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ โต้ บิ๊กตู่ หลังเจอแขวะในการอภิปรายว่า คงไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพทหาร
ในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แขวะ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กลางสภา โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า “อย่ารังเกียจทหารมากนักเลย ทหารคือลูกหลานของท่าน หลายท่านเป็นทหารมาก่อน แต่ผมคิดว่า ท่านคงไม่สำเร็จในวงการเป็นทหารมากเท่าไหร่ จึงมักจะโจมตีทหารด้วยกันอยู่เรื่อย“
ล่าสุด น.อ.อนุดิษฐ์ ตอบโต้ด้วยการโพสต์ข้อความว่า “ทหารที่ประสบความสำเร็จหรือ สิ่งที่ผมอภิปราย เป็นการอภิปรายถึงความบกพร่อง ผิดพลาด ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต หรือแม้แต่อาจทำทุจริตเสียเอง ของฝ่ายบริหาร ที่เคยเป็นรุ่นพี่เตรียมทหารของผมเท่านั้น แต่ไม่มีเนื้อหาตรงไหนที่โจมตีกองทัพเลยแม้แต่น้อย และสิ่งที่ผมทำถือเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย ผมจึงอยากฝากคำถามไปยังท่านนายกรัฐมนตรี”
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า อดีตนายทหารที่เข้ามาสู่การเมืองด้วยการลาออกจากราชการ มาลงสมัครเลือกตั้งให้ประชาชนเลือกตามกติกา กับ ทหารที่ฉีกรัฐธรรมนูญ ปล้นอำนาจประชาชนมา และเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ตั้ง ส.ว. 250 คน มาเลือกตัวเองแบบไหนเรียกว่า ทหารที่ประสบความสำเร็จ
อยากถามว่า ที่ผ่านมา ใครตั้ง ผบ.เหล่าทัพ เป็น ส.ว. เพื่อโหวตให้ตัวท่านเป็นนายก ใคร ที่นำกองทัพมารับใช้ตัวท่านและพวกพ้อง เพื่อเสถียรภาพและความมั่นคงทางการเมืองของตัวเอง ใครที่นำเอากองทัพมารับใช้นักการเมือง ใครที่ทำให้กองทัพมัวหมอง
น.อ.อนุดิษฐ์ ยังเล่าถึงประวัติตนเองว่า ผมในฐานะอดีตนักบินรบ ผู้บังคับฝูงคนแรก ของฝูงบินขับไล่สกัดกั้นที่ 102 (F16-ADF) จบเตรียมทหารรุ่นที่ 23 เป็นนักเรียนนายเรืออากาศรุ่นที่ 30 สอบได้ที่ 1 ของรุ่นโรงเรียนเสนาธิการทหารอากาศ รุ่นที่ 40 เป็นอดีตผู้บังคับหน่วยบินขับไล่โจมตีไอพ่นภารกิจป้องกันประเทศ อดีตเสนาธิการฝึกร่วมคอบบร้าโกลล์ 1999 อดีตผู้บังคับฝูงบินผสม การฝึก Red Flag 03 (ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา) ของเครื่อง F-16 ครั้งแรกของประเทศไทย
ชีวิตรับราชการของผมเป็นอย่างไร พี่น้องในกองทัพอากาศทราบดี ผมผ่านการคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารตั้งแต่อายุ 15 ปี และเลือกเป็นทหารอากาศ เพราะมีความฝันอยากเป็นนักบินเพื่อปกป้องน่านฟ้าและอธิปไตยของประเทศ สถาบันทหารหล่อหลอมให้ผมเป็นรั้วของชาติที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบ เลือดสีเทา ของผมยังเข้มข้นเสมอ และจะไม่มีวันจืดจาง
17 ปี ที่ผมทำหน้าที่ปกป้องน่านฟ้าไทย และรับใช้กองทัพอากาศที่ผมรัก จากเรืออากาศตรีสู่นาวาอากาศเอก ผมมีความสุขและตั้งใจทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเชื่อว่า งานการเมืองจะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น เหมือนกับไม่เคยเชื่อว่าประชาธิปไตยจะส่งผลให้ประเทศพัฒนาจนประชาชนอยู่ดีกินดี
แต่เมื่อพรรคไทยรักไทย ถือกำเนิด และทำให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ความเชื่อของผมก็เปลี่ยนไป ในปี 2548 ผมจึงตัดสินใจลาออกจากกองทัพอากาศ เพื่อมาทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ผมสำนึกในบุญคุณของกองทัพอากาศเสมอ และตระหนักดีว่ากองทัพคือสถาบันหลักของประเทศ ดังนั้นคงไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำให้มัวหมองเป็นอันขาด ดังนั้นผมจึงขอยืนยันอีกครั้งว่า การอภิปรายนั้น “เขาว่าท่านคนเดียวล้วนๆ แต่ไม่ได้ว่ากองทัพครับ”