เมียนมาล็อกดาวน์รัฐยะไข่ หลังระบาดอีก
เมียนมาประกาศล็อกดาวน์รัฐยะไข่ ซึ่งเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งมานาน หลังจากไวรัสโคโรนาแพร่ระบาด และมีผู้ติดเชื้อมากกว่าช่วงก่อนหน้านี้
เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ทางการเมียนมารายงานว่า มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อ 19 รายในพื้นที่ตะวันตกนับตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.เป็นต้นมา นับเป็นการติดเชื้อในประเทศครั้งแรกในเมียนมาในรอบหลายเดือน ทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมจากโควิด-19 ในเมียนมาปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 409 ราย
Myat Htut Nyunt รองผอ.ฝ่ายวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า ชนิดของไวรัสเป็นชนิดเดียวกันกับไวรัสโคโรนาที่กลายพันธุ์ในมาเลเซีย ซึ่งเคยถูกค้นพบในยุโรป อเมริกาเหนือ และหลายพื้นที่ของเอเชีย และคาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อมากขึ้น
“ เราจึงต้องแจ้งข้อมูลกับประชาชนให้รับรู้ว่า ไวรัสชนิดนี้มีการแพร่เชื้อที่เร็วกว่าเดิม ” ทางการเมียนมระบุ
โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในเมืองชิตเว ซึ่งทางการได้ออกคำสั่งให้ประชาชนอยู่บ้าน และมีมาตรการเคอร์ฟิว คือห้ามออกจากเคหสถานในยามวิกาล สายการบินในประเทศระงับการให้บริการระหว่างเมืองชิตเวและเมืองสำคัญทางการค้าอย่างนครย่างกุ้ง
ที่ผ่านมา ประชาชนหลายหมื่นคนอาศัยอยู่ในค่ายผู้อพยพทั่วรัฐยะไข่ หลังจากการสู้รบระหว่างกองกำลังทหารของรัฐบาลกับกลุ่มชาติพันธ์ุที่ก่อความไม่สงบ
นอกจากนี้ เมืองชิตเวยังเป็นที่ตั้งของค่ายผู้ลี้ภัยของชาวมุสลิมโรฮิงญาประมาณ 1 แสนคนที่ถูกกักตัวให้อยู่รวมกันอย่างต่อเนื่องหลังเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นในปี 2555 โดยชาวโรฮิงญาส่วนใหญ่ถูกปฏิเสธไม่ได้สิทธิพลเมืองของเมียนมา และต้องประสบกับการควบคุมอย่างเข้มงวดไม่ให้มีเสรีภาพในการเคลื่อนไหว และกีดกันการเข้าถึงระบบสาธารณสุขของประเทศ
Kyaw Hla ผู้นำชุมชนในค่ายแห่งหนึ่ง ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลได้มาเยือนในวันที่ 21 ส.ค. แต่เงื่อนไขสำคัญคือพวกเขาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เกินกว่าที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำในการเว้นระยะห่างทางสังคมและมีสุขอนามัยที่ดีของทางการได้
“ มันไม่โอเคเลยที่จะอยู่ที่นี่ ในพื้นที่เล็กๆ ที่มีคนอยู่จำนวนมาก เรามีความกังวลในค่ายตลอด ทั้งโควิด-19 หรือประเด็นอื่นๆ หลายครอบครัวอาศัยในพื้นที่ห้องขนาด 8 ฟุต คูณ 10 ฟุต หรือไม่ก็ 8 ฟุต คูณ 14 ฟุต หลายสิ่งหลายอย่างควรจะดีกว่านี้”