จ้างงานสหรัฐฯ เดือน ต.ค.โต
ตัวเลขการจ้างงานขยายตัวเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ในเดือนต.ค.และช่วยผลักดันให้ค่าแรงปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้
งานที่ไม่ใช่ภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นถึง 175,000 งานในเดือน ต.ค. หลังจากปรับเพิ่มขึ้น 156,000 งานในเดือนก.ย. อ้างอิงจากการสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์จากรอยเตอร์ คาดการณ์ว่าตัวเลขการว่างงานลดลง 1 ใน 10 มาอยู่ที่ 4.9%
“ ค่าจ้างที่คาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอาจเป็นไปตามหลักการของเฟดในตลาดแรงงาน ซึ่งทำให้อาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ” นายฮาร์ม บันด์โฮลซ์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ ประจำ UniCredit Research ในนิวยอร์กกล่าว
กระทรวงแรงงานจะเผยแพร่รายงานการจ้างงานที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในวันที่ 4 พ.ย.เวลา 8.30 น. 4 วันก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.นี้
ทั้งนี้ รายงานถูกจัดทำขึ้นบนพื้นฐานข้อมูลในสัปดาห์ที่แล้วที่ชี้ให้เห็นว่า มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ย. เฟดได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ถึงแม้จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. แต่แนวโน้มการขยายตัวของการจ้างงานยังคงชะลอตัว เนื่องจากตลาดแรงงานเกือบเข้าใกล้จุดสูงสุด และสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากวิกฤติการเงินในปี 2550-2552 กำลังเริ่มอ่อนแรงลง
จนถึงปีนี้ การเติบโตของการจ้างงานเฉลี่ยอยู่ที่ 178,000 งานต่อเดือน ลดลงจากตัวเลขเฉลี่ย 229,000 งานต่อเดือนในปี 2558 แต่ตัวเลขการจ้างงานต่อเดือนในปีนี้ยังคงสามารถรองรับประชากรที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดงานได้อย่างเพียงพอ
ประธานเฟดเจเนท เยลเลน กล่าวว่า เศรษฐกิจจำเป็นต้องมีการจ้างงานต่ำกว่า 100,000 งานต่อเดือนเพื่อรักษาระดับการขยายตัวในประชากรวัยทำงาน
ถึงแม้ตลาดแรงงานใกล้เข้าถึงจุดอิ่มตัว แต่การขยายตัวของค่าแรงยังอยู่ในระดับปานกลาง นักเศรษฐศาสตร์กล่าวโทษว่า เป็นเพราะการมีส่วนร่วมน้อยของกระทรวงแรงงาน
อัตราค่าแรงที่มีเสถียรภาพช่วยส่งเสริมการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่กำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ และช่วยคงระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
การจ้างงานในภาคการผลิตลดลง 3 เดือนติดต่อกันในเดือนต.ค. ขณะที่บัญชีเงินเดือนของภาคก่อสร้างเพิ่มขึ้น 2 เดือนต่อเนื่องกัน.