“สยามแก๊ส” กำไรกระฉูด ออเดอร์นอกทะลัก
สยามแก๊ส มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 7.5 หมื่นล้านบาท หนุนกำไรโตทั้งปีกระฉูด จ่อขยายลงทุนธุรกิจก๊าซ LPG ในต่างประเทศ และขยายกองเรือเพิ่ม หลังออเดอร์ต่างประเทศทะลัก ชี้ ราคา LPG ปีนี้เคลื่อนไหว 550-650 ดอลลาร์ต่อตัน
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP กล่าวถึงแนวโน้มผลดำเนินงานในปี 2562 ว่า มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ จากปริมาณการขายซึ่งจะมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยบริษัทตั้งเป้าเติบโตไว้ราว 10% เนื่องจากบริษัทได้ขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดใหม่ๆ พร้อมด้วยออเดอร์จากลูกค้ารายเดิมที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจากคลังแก๊สที่มีกระจายอยู่ในหลายประเทศ และระบบโลจิสติกที่มีอยู่ ยังคงมีความสามารถในการรองรับหากมีคำสั่งซื้อใหม่เข้ามา ขณะที่ยอดขายต่างประเทศยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการ LPG ในภูมิภาคเอเชียที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูง
ทั้งนี้ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ราคา LPG ในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้ว 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 460 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยคาดว่าทั้งปีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 550-650 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สูงกว่าราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี 2561 ที่ราคา LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 540 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนก่อสร้างคลังก๊าซ LPG ในประเทศบังคลาเทศ เพิ่มเติม เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบการลงทุน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงกลางปี 2562 ปัจจุบันสยามแก๊สฯ มียอดขายแก๊สที่ขายในบังคลาเทศแล้ว ในลักษณะของการขายส่งเป็นลำเรือ โดยปีนี้คาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ราว 30,000 – 40,000 ตัน/เดือน
“จากปริมาณขายก๊าซ LPG ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในต่างประเทศ บริษัทได้วางแผนที่จะขยายกองเรือเพิ่มขึ้น โดยปีนี้มีแผนซื้อเรือบรรทุกก๊าซขนาดใหญ่ (VLGC) จำนวน 1 ลำ และเรือบรรทุกก๊าซขนาดเล็กเพิ่มอีก 2-3 ลำ เพื่อใช้สำหรับขนส่งก๊าซ LPG ระหว่างประเทศ เชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของสยามแก๊สฯ และคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1/2562 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน จากราคา LPG มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 4/2561 ที่ราคาปรับตัวลดลงจากความกังวลเรื่องสงครามการค้า รวมถึงกลยุทธ์ของบริษัทในปี 62 ยังคงเน้นการขยายธุรกิจก๊าซแอลพีจีในต่างประเทศ และพิจารณาถึงโอกาสในการทำธุรกิจด้านพลังงานอื่นๆด้วย อาทิเช่น ธุรกิจโรงไฟฟ้า และธุรกิจแอลเอ็นจี เป็นต้น ในการเพิ่มรายได้และกำไรที่มีความสม่ำเสมอให้มากขึ้น” นายศุภชัย กล่าว
ในสิ้นเดือนมี.ค.หรือต้นเดือนเม.ย. 2562 นี้ เตรียมเปิดให้บริการคลังก๊าซ LPG ที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และยังเตรียมลงทุนคลังก๊าซ LPG ในประเทศอินโดนีเซีย ในปีนี้หลังจากมีความล่าช้ามานาน ขณะนี้เริ่มเห็นความชัดเจนแล้ว และมีโอกาสที่จะเริ่มลงทุนภายในปี 2562 นี้
พร้อมกันนี้ บริษัทได้มีการรับรู้กำไรจากการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 230 เมกะวัตต์ และขนาดกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ดำเนินการจ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วทั้งสองแห่ง เนื่องจากเมียนมายังมีความต้องการใช้ไฟฟ้าอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นไปตามการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานในประเทศ ปัจจุบันบริษัทรับรู้กำไรปีละ 200-300 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเสริมให้บริษัทมีกำไรสม่ำเสมอ