นักธุรกิจต่างชาติรอคิวเข้าไทยเกินหมื่นคน
กกร.เชื่อ “ปรีดี ดาวฉาย” เชื่อมรัฐ-เอกชน ร่วมแก้วิกฤตโควิดฯกระหน่ำเศรษฐกิจไทย เผย! นักธุรกิจต่างชาติจ่อเข้าไทยทะลุหมื่นคน โดยมีญี่ปุ่นนำโด่ง ด้าน “บิ๊กเอกชน” เตรียมประสานเพิ่มที่พักรองรับแล้ว หลังพบโรงแรมมาตรฐานสูงแต่ราคาประหยัด มีน้อยมาก วอนรัฐ ชะลอ Travel Bubble และแรงงานต่างด้าวเข้าไทยช่วงนี้ ส่วนทหารอเมริกัน ชี้! ไม่น่าห่วง เพราะรัฐมีระบบป้องกันและติดตามดี
นายกลินท์ สารสิน ปธ.กก.หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะ ปธ.คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า ตนได้หารือกับทาง ผู้บริหารของสภาหอการค้าญี่ปุ่น เมื่อคืนวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ทราบว่า ขณะนี้มีผู้นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นแสดงความจำนงจะขอเข้ามาประกอบธุรกิจในไทย เพียงประเทศเดียวมากถึง 10,000 คน นอกจากนี้ ยังมีนักธุรกิจจากจีน ไต้หวัน กลุ่มประเทศยุโรป โดยเฉพาะจากเยอรมัน แสดงความจำนงจะเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยด้วยเช่นกัน เนื่องจากเชื่อมั่นในระบบการดูแลป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของทางการไทย และระบบสาธารณสุขของไทยอย่างมากโดยนักธุรกิจต่างชาติทุกคน พร้อมให้ทางการไทยทำการกักตัวเป็นเวลา14 วัน
อย่างไรก็ตาม โอกาสดังกล่าวยังติดปัญหาในเรื่องจำนวนห้องพักของโรงแรมที่มีมาตรฐานความปลอดภัยในราคาเหมาะสม ยังมีไม่มีเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งทาง กกร.ได้ประสานไปยังสมาคมโรงแรมไทย และภาครัฐ เพื่อเพิ่มจำนวนห้องพักรองรับนักธุรกิจต่างชาติกลุ่มนี้แล้ว คาดว่าจากนี้จะมีการเดินทางทยอยเข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้และต้นปีหน้า ทั้งนี้ นักธุรกิจชาวต่างชาติส่วนใหญ่ มีธุรกิจหรือรับผิดชอบการบริหารองค์กรธุรกิจอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว ดังนั้น การกลับเข้าไทยของนักธุรกิจต่างชาติกลุ่มนี้ น่าจะมีส่วนช่วยผลักดันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้บ้าง
“นักธุรกิจต่างชาติกลุ่มนี้ มีการดูแลสุขภาพตัวเองในระดับที่เชื่อมั่นได้ว่าจะไม่เข้ามาแพร่เชื้อโควิด-19 ในไทย และพวกเขาพร้อมจะปฏิบัติกฎเกณฑ์และเงื่อนไขทางด้านสาธารณสุขของทางการไทยอย่างเต็มที่” นายกลินท์ ย้ำและว่า
ในส่วนของโครงการ Travel Bubble หรือแนวทางการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด โดยเป็นการจับคู่ประเทศ เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างประเทศที่สามารถจัดการโรคโควิด-19 ได้ดีเท่าๆ กัน ซึ่งเป็นความร่วมมือในลักษณะทวิภาคีด้านการท่องเที่ยวแบบใหม่ ที่ทั่วโลกกำลังหันมาสนใจ ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 นั้น เบื้องต้น แม้ กกร.จะเห็นด้วยกับโครงการนี้ แต่คิดว่ายังเร็วไปที่จะเปิดกว้างต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลจำเป็นจะต้องผลักดันโครงการฯให้เกิดขึ้นเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ก็อยากให้ดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป และสร้างมาตรการป้องกันให้รัดกุม เพื่อป้องกันไม่ได้ไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดในรอบใหม่ เหมือนที่หลายประเทศประสบกันมา
สำหรับทหารอเมริกันกว่า 100 นาย ที่เข้ามาฝึกร่วมผสมรหัส “หนุมานการ์เดียน” ในไทยนั้น กกร.เชื่อว่า รัฐบาลและกองทัพคงมีมาตรการในการดูแลป้องกันเป็นอย่างดี ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ที่น่าห่วงมากกว่าคือ ข้อเรียกร้องในการดึงแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในไทย เนื่องจากช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการสั่งปิดกิจกรรมทางธุรกิจในช่วงก่อนหน้านี้ มีแรงงานต่างด้าวเดินทางกลับประเทศตัวเองนับล้านคน ดังนั้น การจะเปิดรับคนกลุ่มนี้กลับมาทำงาน รัฐบาลจะต้องคำนึงเรื่องความปลอดภัยด้านสาธารณสุขให้มาก ขณะเดียวกัน แรงงานไทยเองยังประสบปัญหาการว่างงาน เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเปิดโอกาสให้แรงงานไทยได้กลับมาทำงาน แทนการดึงแรงงานต่างด้าวกลับเข้าไทย
ประธาน กกร. ระบุว่า ขณะนี้ ได้ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย จัดเตรียมแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อสนอไปยังรัฐบาล ที่อยู่ระหว่างจัดตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่มีรูปแบบการทำงานในลักษณะเดียวกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แต่จะโฟกัสในด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยมี นายกรัฐมนตรีเป็นประธานฯ
ทั้งนี้ หากรัฐบาลจะเปิดโอกาสให้ตัวแทนภาคเอกชนได้เข้าร่วมในคณะกรรมการชุดนี้ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ตัวแทนภาคเอกชนยังได้จัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยจะผลักดันแผนงาน 4 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย 1.การส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 2.การยกระดับเกษตรมูลค่าสูง 3.การเพิ่มโอกาสของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในธุรกิจเป้าหมาย และ 4.การยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางงด้านการค้าและการลงทุนของภูมิภาค ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อสรุปแผนฟืนฟูเศรษฐกิจดังกล่าว จะนำไปหารือและเสนอให้มีมาตรการช่วยเหลือจากทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ต่อไป
นอกจากนี้ กกร.ยังได้จัดตั้งคณะกรรมการภาษีเพื่อจัดทำข้อเสนอมาตรการทางภาษี ต่อกรมภาษีทั้ง 3 แห่ง คือ กรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะประเด็นการคืนเงินภาษีให้เร็วขึ้น เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย รวมถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศเนื่องจากเงินภาษีที่คืนให้กับภาคเอกชนเมื่อทำได้เร็ว การใช้จ่ายเงิยในระบบเศรษฐกิจก็จะเร็วตามไปด้วย ขณะที่ กรมภาษีก็สามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น
“กกร.ได้ประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานภาคเอกชนอื่นๆ เพื่อจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาหลายชุด ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปในเรื่องนั้นๆ ก็จะนำเสนอให้รัฐบาลได้พิจารณาต่อไป ทั้งนี้ การที่มี ครม.เศรษฐกิจชุดใหม่ และมีตัวแทนจากภาคเอกชนเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะการได้นายปรีดี ดาวฉาย มาทำหน้าที่เป็น รมว.คลัง ซึ่งรู้และเข้าใจปัญหาของภาคเอกชน เพราะเคยมีส่วนร่วมนำเสนอไปยังรัฐบาลมาก่อนแล้ว จะยิ่งทำให้ปัญหาต่างๆ คลายตัวลงได้อย่างดี” นายกลินท์ ระบุ.