อสังหาฯชูสงครามราคาเร่งระบายสต๊อก
“พฤกษา”ประเมินหลังโควิด-19 เริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่กำลังซื้อของผู้บริโภคไม่กลับมาทันที เหตุมีปัจจัยรอบด้าน ชู 2 กลยุทธ์หลัก เร่งระบายสต๊อก ผ่านโปรลดราคา เร่งการขายผ่านทุกช่องทาง เลือกซื้อที่ดินเฉพาะเกรดเอ ชี้ตัวเลขรีเจกต์เรต จากแบงก์เพียง10%
นายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษาเรียลเอสเตท-ทาวน์เฮ้าส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในครึ่งหลังของปี 2563 ว่า แม้แนวโน้มการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยจะเริ่มคลี่คลาย แต่กำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังไม่กลับมาทันที ประกอบกับ ตลาดยังเจอปัจจัยลบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการ LTV ภาวะเศรษฐกิจ การเงิน ภาระหนี้ครัวเรือน และภาคธุรกิจยังไม่เห็นทิศทางที่ดีขึ้น
“ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายเล็ก ลดความเสี่ยงในธุรกิจ โดยกระจายพอร์ตไปรุกตลาดแนวราบมากขึ้น เพื่อจับตลาดเรียลดีมานด์ และระมัดระวังในการเปิดโครงการใหม่มากขึ้น ทำให้คาดว่า มูลค่าตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้ จะลดลงมากถึง 37 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรก สะท้อนถึงวิกฤตโควิด-19 ตลาดที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด ทั้งหัวเมืองอุตฯ เมืองท่องเที่ยว จะได้รับผลกระทบอย่างมาก ขณะที่ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการหลายแห่ง นำสต๊อกออกมาลดราคา เพื่อกระตุ้นยอดขาย ดึงกระแสเงินสดเข้าสู่บริษัทให้มากที่สุด”
ดังนั้น เพื่อรับมือกับสถานการณ์ตลาดในครึ่งหลังของปีนี้ พฤกษา ได้กำหนดกลยุทธ์การตลาดออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ระยะสั้น เน้นระบายสต๊อก ด้วยการออกแคมเปญ “พฤกษา ทาวน์เฮ้าส์ ลดเป็นล้าน ผ่อนให้นาน 2 ปี ฟรีทอง” สำหรับลูกค้าที่จองและโอนกรรมสิทธิ์โครงการทาวน์โฮมพร้อมอยู่ของพฤกษา จำนวน 98 โครงการที่เข้าร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2563 รับสิทธิ์ พฤกษาผ่อนให้นานสูงสุด 24 เดือน รับส่วนลดเพิ่มสูงสุดกว่า 1 ล้านบาท ฟรีทองคำหนัก 1 บาท ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์
และกลยุทธ์ระยะยาว จะให้ความสำคัญกับการซื้อแปลงที่ดินบนทำเลศักยภาพเกรดเอ เท่านั้น พร้อมกับการพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์ ให้ตอบสนองพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการอออกแบบพื้นที่การอยู่อาศัย ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในบ้านมากขึ้น มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น มีระบบระบายอากาศ เพื่อให้ลูกค้าอยู่สบาย ตอบโจทย์การทำงานที่บ้าน รวมทั้งลดขั้นตอนการทำงาน เพื่อลดต้นทุน ทำให้สามารถแข่งขันด้านราคากับคู่แข่งได้
นอกจากนี้ ยังปรับกลยุทธ์ด้วยการหาช่องทางขายใหม่ๆ นำเอาสินค้าส่งผ่านไปอยู่ในโลกดิจิทัลตลอดทุกช่วงของ Customer Journey ให้ได้มากที่สุด พร้อมยกระดับการพัฒนาสินค้า นวัตกรรม และการบริการ แบบบูรณาการในทุกมิติ
โดยในแผนปีนี้ จะเปิด 6 โครงการทาวน์เฮ้าส์ มูลค่าโครงการ 7,400 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ด้านการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยกลุ่มรายย่อยในไตรมาสแรกที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าทาวน์เฮ้าส์ มีอัตราการปฎิเสธสินเชื่อจากธนาคารอยู่ที่10% ซึ่งเท่ากับช่วงเดียวกันของปี62.