นิสสันคว้าสปอนเซอร์โอลิมปิก
ซีอีโอของบริษัทนิสสันกล่าวว่า การเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่นครริโอครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว ถึงแม้ยอดขายรถยนต์ในบราซิลจะไม่สดใสนักก็ตาม
นายคาร์ลอส กอสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทนิสสัน กล่าวว่า มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างภาพลักษณ์และการจดจำแบรนด์รถยนต์นิสสันให้มากขึ้นในบราซิล ในช่วงที่บริษัทตัดสินใจจะเป็นสปอนเซอร์ให้การแข่งขัน ตลาดรถยนต์ในบราซิลกำลังเฟื่องฟูด้วยยอดขายรถยนต์สูงถึง 3.8 ล้านคันต่อปี แต่ในปัจจุบันตลาดถดถอยลงด้วยยอดขายเพียง 2 ล้านคันต่อปีเท่านั้น
เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีว่า “ นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดแล้ว เพื่อเป็นการสร้างการจดจำแบรนด์นิสสันให้มากยิ่งขึ้น ”
ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญของบริษัทในการเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้คือ เพื่อช่วยเพิ่มส่วนแบ่งของนิสสันในตลาดบราซิลจากเดิม 3% เป็น 5%
โดยการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 31 ในนครริโอ เดอ จาเนโร มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 ส.ค.ที่สนามกีฬามาราคานา
ในการเป็นสปอนเซอร์ครั้งนี้ นิสสันต้องจัดหารถยนต์จำนวน 5,000 คันเพื่ออำนวยความสะดวกในการแข่งขันและการใช้งานของทีมผู้จัดงานในบราซิล
โดยนิสสันให้ยูเซน โบลต์นักวิ่งเจ้าของสถิติโอลิมปิกมาเป็นพรีเซนเตอร์ในโฆษณาของแบรนด์นิสสันมาตั้งแต่ปี 2555
ทั้งนี้ นายกอสน์กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ทั่วโลกจะซบเซาอย่างต่อเนื่องไปถึงปี 2562 ด้วยการขยายตัวเพียง 1% ในปีหน้า เขาคาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาจะยังแข็งแกร่ง และตลาดในยุโรปจะฟื้นตัว ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากเบร็กซิทก็ตาม
เขากล่าวเสริมว่า เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมีแนวโน้มจะหดตัวจากเบร็กซิท “ ไม่ได้เป็นเพราะมีสิ่งผิดปกติกับสหราชอาณาจักรหรอก แต่เป็นเพราะตลาดไม่ชอบความไม่มั่นคง ” และกล่าวว่าบริษัทจะเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิดในการเจรจาระหว่างสหราชอาณาจักรกับสหภาพยุโรปเรื่องการแยกตัว
ปัจจุบัน นิสสันมีพนักงานถึง 6,700 คนในโรงงานที่เมืองซันเดอร์แลนด์ ทางภาคเหนือของอังกฤษ
นายใหญ่ของนิสสันคิดว่า สหราชอาณาจักรจะยังเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของสหภาพยุโรปอยู่ต่อไป แต่คำถามสำคัญคือ จะเกิดอะไรขึ้นกับเรื่องภาษีศุลกากร การค้าและวงจรของสินค้า
โดยเขากล่าวว่า “ ซึ่งเรื่องทั้งหลายนี้จะเป็นตัวกำหนด ว่าเราควรจะลงทุนในสหราชอาณาจักรเท่าไร”
ทั้งนี้ นายกอสน์กล่าวว่า การกำหนดราคาของรถยนต์เรโนลต์และแบรนด์อื่นที่ผลิตในยุโรปและจำหน่ายในสหราชอาณาจักรจะมีการปรับขึ้นจากมูลค่าเงินปอนด์ที่ดิ่งเหว อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่า ควรมีการตั้งราคาอีกครั้งเมื่อค่าเงินมีเสถียรภาพแล้ว