อินโดฯหวั่นติดเชื้อใหม่จากเดินทางฉลองเทศกาล
จาการ์ตา (AFP) – ชาวอินโดนีเซียจำนวนหนึ่งพยายามปลอมแปลงเอกสารการเดินทางเพื่อเลี่ยงคำสั่งห้ามเดินทางของรัฐบาลในช่วงสิ้นสุดเดือนรอมฎอน ซึ่งอาจทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด -19 พุ่งขึ้นมาอีกครั้งในประเทศที่มีพลเมืองมุสลิมมากที่สุดในโลก
โดยหลายพันคนพยายามหาวิธีปลอมเอกสารเพื่อเดินทางกลับบ้านเกิดไปฉลองกับครอบครัวในช่วงสิ้นสุดเดือนรอมฎอนในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นเทศกาลที่เรียกว่าวันตรุษอิดีลฟิตรี
“ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ” โดนี โมนาร์โด ประธานคณะทำงานบริหารสถานการณ์โควิด-19 ให้ความเห็น
“ ผมกังวลว่า ประชาชนที่เดินทางไปพื้นที่อื่นอาจจะเสี่ยงติดเชื้อกลับมา และความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า”
ทุกปี นักเดินทางหลายล้านคนในอินโดนีเซียเก็บกระเป๋าไปสนามบิน สถานีรถไฟ และท่าเรือเพื่อเดินทางกลับบ้านเกิด มีการเดินทางทั่วประเทศที่เต็มไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยแห่งนี้ เป็นช่วงเทศกาลสำคัญคล้ายกับเทศกาลตรุษจีนของจีน หรือเทศกาลคริสต์มาสในตะวันตก
จากกความกังวลเกี่ยวกับผลระทบต่อระบบสาธารณสุข ทำให้เดือนเม.ย. รัฐบาลอินโดนีเซียออกคำสั่งห้ามการเดินทางทั้งทางเรือและเครื่องบิน และมีมาตรการล็อกดาวน์เพื่อหยุดการเดินทางทั่วประเทศ
ต่อมา มีการผ่อนคลายกฎลงเนื่องจากกังวลว่าเศรษฐกิจของประเทศจะทรุดหนัก แต่เฉพาะกับผู้ที่พิสูจน์ได้ว่าปลอดไวรัส และมีเหตุผลด้านอาชีพในการเดินทาง
บรรดาตำรวจต้องกุมขมับกับเอกสารการเดินทางปลอมที่มีขายอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ โดยสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่บนเกาะบาหลีจับกุมผู้ต้องสงสัยที่ปลอมเอกสารได้ 7 ราย
ตลาดหลายแห่งเต็มไปด้วยนักช้อปที่พากันมาซื้ออาหารและเสื้อผ้าสำหรับการฉลองวันสิ้นสุดเดือนรอมฎอน หรือที่เรียกว่าวันตรุษอีด หรือวันฮารีรายอ อิดิลฟิตรี ในบางประเทศ
“ มีหลายวิธีมากที่ประชาชนพยายามจะหลอกลวงเรา” Yusri Yunus โฆษกตำรวจจาการ์ตาระบุ “เราไม่อยากให้ชีวิตพวกเขายุ่งยาก ที่ทำมาทั้งหมดก็เพื่อลดการระบาดของไวรัสโคโรนา”
ในสัปดาห์นี้ อินโดนีเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงที่สุดในวันเดียว ขณะที่มีผู้เสียชีวิตถึง 1,326 รายแล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดในเอเชียนอกประเทศจีน
แต่เชื่อกันว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจริงอาจจะสูงกว่าตัวเลขทางการ เนื่องจากมีประชากรมากกว่า 260 ล้านคนในอินโดนีเซีย ขณะที่มีการตรวจหาผู้ติดเชื้อค่อนข้างต่ำ ติดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการตรวจน้อยที่สุดในโลก
เมาลานา อารีฟ บูดี ซาทรีโอ คนขับรถที่ถูกเลิกจ้างต้องเดินเท้ากลับบ้านเกิดเป็นระยะทางถึง 500 กม.หลังจากรถของเขาถูกสกัดที่ด่านตรวจ แต่จากการที่เขามีรถแวะรับเขาตลอดทาง ทำให้มีคำถามถึงความหละหลวมของมาตรการ
เขาให้ข้อมูลว่า “ บริษัทที่ผมทำงานเลิกจ้างคนขับรถอย่างผม ผมมีแค่สองทางเลือก คืออยู่ในจาการ์ตาแต่ไม่มีเงิน หรือกลับบ้าน ”