สภาพัฒน์คาดโควิดฯทุบจีดีพีปี’63 ดิ่ง -6% ถึง -5%
“พิษโควิดฯ – ภัยแล้ง – เศรษฐกิจโลก” ทำภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกปี’63 ทรุดทั้งระบบ! สภาพัฒน์ เผย! คาดการณ์จีดีพีทั้งปี อาจหดตัว -6% ถึง -5% จากเดิมที่ฝันไว้ที่โต 1.5 – 2.5% ส่วนส่งออก นำเข้า รายได้ท่องเที่ยว การบริโภคและการลงทุนทั้งรัฐและเอกชน หดตัวติดลบเพียบ! เฉพาะส่งออก เชื่อ หดตัว -8%
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช. หรือสภาพัฒน์) แถลงคาดการณ์ถึงแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปีนี้ ว่า จะปรับตัวลดลง -6.0 ถึง -5.0% เนื่องจากการปรับตัวลดลงของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก รวมถึงการลดลงรุนแรงของจำนวนและรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ, การระบาดของโรคโควิด-19 และปัญหาภัยแล้ง ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้า คาดว่าจะปรับตัวลดลง -8.0% ขณะที่ การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนรวม ปรับตัวลดลง -1.7% และ -2.1% ตามลำดับ ทั้งนี้ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยจะอยู่ในช่วง -1.5% ถึง -0.5% ส่งผลให้บัญชีเดินสะพัดเกินดุล 4.9% ของ GDP
สำหรับการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2563 นายทศพร แนะนำรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการประสานนโยบายการเงินการคลัง เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจในช่วงการลดลงอย่างรุนแรงของรายได้จากการท่องเที่ยว รวมถึงเศรษฐกิจและปริมาณการค้าของโลก นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาถึงผลกระทบจากมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยาฯ จากการลดลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และเพื่อสร้างความมั่นใจว่าภาคธุรกิจมีความพร้อมในการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังการระบาดของโรคโควิด-19 และเงื่อนไขข้อจำกัดต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจผ่อนคลายลง
นอกจากนี้ ยังแนะนำถึงการผ่อนคลายมาตรการปิดสถานที่และข้อจำกัดการเดินทาง ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรัดกุม และดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนให้พฤติกรรมในการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประชาชน และภาคธุรกิจสามารถปรับตัวเข้าสู่ระดับใกล้เคียงภาวะปกติ รวมทั้งสามารถปรับตัวสอดคล้องกับมาตรการควบคุมและป้องกันการระบาดของภาครัฐ และการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและรูปแบบการประกอบธุรกิจที่เกิดจากการระบาดของโรคโควิด-19
นายทศพร กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้า เพื่อไม่ให้การส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงรุนแรงมากเกินไป รวมทั้งเพื่อช่วยลดผลกระทบจากการลดลงของรายได้จากการท่องเที่ยว โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มสินค้าที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกีดกันทางการค้าในช่วงที่ผ่านมา และได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในต่างประเทศ ซึ่งทำให้ความต้องการสินค้าบางรายการปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน การเบิกจ่ายงบประมาณภายใต้กรอบต่างๆ ของภาครัฐ โดยเฉพาะการเบิกจ่ายงบประมาณฯ ปี 2663 ต้องเร่งรัดให้ได้ไม่ต่ำกว่า 90.2% ของวงเงินงบประมาณ โดยเบิกจ่ายรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนได้ไม่ต่ำกว่า 99.0% และ 55.0% ตามลำดับ ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณเหลื่อมปีไม่ต่ำกว่า 90.0% รวมถึงการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจไม่ต่ำกว่า 75.0% และการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภายใต้กรอบ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท
การขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมฯ ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนการสร้างศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจระยะยาวภายใต้กรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีและกรอบงบลงทุนรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงควรเตรียมการรองรับความเสี่ยงสำคัญๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีและในระยะปานกลางอีกด้วย
สำหรับภาวะเศรษฐกิจไตรมาสแรกของปี 2563 พบว่า จีดีพีลดลง 1.8% เทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2562 ที่มีการขยายตัว 1.5% โดยตัวเลขหลักมีการชะลอตัวลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายการบริโภคภาคเอกชน การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนภาครัฐและเอกชน รวมถึงการส่งออก ขณะที่การผลิต ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร สาขาอุตสาหกรรม สาขาเกษตรกรรม สาขาการขนส่ง และสาขาก่อสร้าง ก็ต่างปรับตัวลดลง ด้านการผลิตสาขาการขายส่งและการขายปลีก สาขาการผลิตสาขาไฟฟ้า และก๊าซ สาขาการเงินและการประกันภัย และสาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารกลับมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว ทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2563 ลดลง 2.2% จากไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน.