คปภ.ประสานวิริยะฯจ่ายเงิน เหยื่อเก๋งชน 7 แสนบาท
วิริยะฯยอมแล้ว จ่ายค่าสินไหมทดแทนกว่า 7 แสนบาท ให้ “แม่ลูก 2” เหยื่อเก๋งชนที่นครปฐม หลังเรื่องผ่านมาแล้ว 9 เดือนเศษ ด้าน เลขาธิการ คปภ. สวมบท “ประธานสักขีพยาน” การจ่ายค่าสินไหมทดแทน ย้ำ! ให้ดูแลสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัยอย่างเต็มที่
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สายกลยุทธ์องค์กร สายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค บูรณาการร่วมกับ สำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี และ สำนักงาน คปภ. ภาค 7 (นครปฐม) ในฐานะดูแลรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนนทบุรี เร่งตรวจสอบข้อมูลและให้การช่วยเหลือด้านประกันภัยแก่ นางณัฐชาวีร์ ภิรมย์เมือง อายุ 42 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ถูกรถยนต์เก๋งเฉี่ยวชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.2562 แต่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย กระทั่ง ด.ช.ภูริภัทณ์ ศรีทองคำ อายุ 14 ปี และ น.ส.ศศิธร ศรีทองคำ อายุ 21 ปี ได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่สำนักงานทนายความคู่ใจ
ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี ว่า รถยนต์เก๋ง ทะเบียน 3 กศ 9908 กรุงเทพมหานคร ที่เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ ทะเบียน กรท 709 นครปฐม ของ นางณัฐชาวีร์ ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และประกันภัยรถภาคสมัครใจ ไว้กับ บมจ.วิริยะประกันภัย สิ้นสุดความคุ้มครอง วันที่ 6 พ.ย. 2562 ขณะที่
สำหรับรถจักรยานยนต์ ทะเบียน กรท 709 นครปฐม ของ นางณัฐชาวีร์ ทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 3 ธ.ค.2562
สำนักงาน คปภ. จังหวัดนนทบุรี จึงได้รีบประสานงานกับ บมจ.วิริยะประกันภัย และนางณัฐชาวีร์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในรายละเอียด และสอบถามข้อขัดข้องในการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการเจรจากับคู่กรณีทั้งสองฝ่ายด้านประกันภัย ได้ข้อยุติเป็นที่พอใจของคู่กรณี จึงได้มีการนัดจ่ายค่าสินไหมทดแทน ในวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ณ สำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษก โดยตนเป็นประธานสักขีพยานการส่งมอบเช็คค่าสินไหมทดแทน และตรวจสอบหลักฐานต่างๆ พร้อมทั้งอ่านและอธิบายเงื่อนไขต่างๆ ให้ผู้เสียหายเข้าใจอย่างละเอียด ทั้งนี้ บมจ. วิริยะประกันภัย ตกลงชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กรณีทุพพลภาพ 270,000 บาท (เต็มความคุ้มครอง นอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาลอีก 30,000 บาท ที่จะต้องจ่ายให้กับโรงพยาบาลที่รักษา) ค่าชดเชยรายวัน (กรณีเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล) 4,000 บาท และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กรณีทุพพลภาพอีก 500,000 บาท (เต็มความคุ้มครอง) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 774,000 บาท โดยได้มีการส่งมอบเช็คจำนวนดังกล่าวให้ผู้เสียหายเรียบร้อยแล้ว
เลขาธิการ คปภ. กล่าวอีกว่า ข้อพิพาทในครั้งนี้เกิดจากปัญหาการประสานงานเกี่ยวกับใบรับรองแพทย์ที่จะใช้เป็นหลักฐานประกอบการขอรับค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัย ทำให้เกิดความล่าช้าเมื่อทราบเรื่อง สำนักงาน คปภ. จึงได้เข้ามาช่วยดูแลจนนำมาสู่การจ่ายค่าสินไหมทดแทนในวันนี้ ส่งผลให้ข้อพิพาทสามารถยุติกันได้
“สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นและต้องไปเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนที่สำนักงาน คปภ. ได้ โดยไม่มีค่าบริการ และไม่จำเป็นต้องไปฟ้องร้องเป็นคดีต่อศาลยุติธรรมก่อนแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. ย้ำ.