ไทยออยล์ ตั้งงบ 5 ปี 5.1 พันล้าน USD
ไทยออยล์ เผย งบ 5 ปี 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นน้ำมัน คาดยอดขายปี 61 ลด ตามราคาน้ำมันที่ลดลง
นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุน 5 ปี (ปี 2562-2566) ในวงเงิน 5,1600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประมาณ 90% หรือราว 4,7 00 ล้านเหรียญสหรัฐ จะใช้ในโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project :CFP) โดยจะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันเป็น 4 แสนบาร์เรลต่อวัน จาก 2.75 แสนบาร์เรลต่อวันในปัจจุบัน ซึ่งจะแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการในปี 2566
ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 400-500 ล้านเหรียญสหรัฐ จะเป็นการลงทุนเพื่อปรับปรุงสาธารณูปโภคหลายโครงการ รองรับการทำโครงการ CFP ซึ่งเป็นการลงทุนต่อเนื่องจากปัจจุบัน ได้แก่ การปรับปรุงท่าเรือเพื่อให้สามารถรับเรือได้เพิ่มขึ้น และลดความแออัดของท่าเรือ ,สร้างถังน้ำมันดิบเพิ่มเติม เพื่อสามารถรองรับน้ำมันดิบที่มีคุณภาพหลากหลายได้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการน้ำมันให้เข้าสู่กระบวนการผลิตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น, การย้ายสำนักงานเพื่อให้มีพื้นที่ว่างคงเหลือบริเวณโรงกลั่นน้ำมัน รองรับการทำโครงการ CFP โดยจะเป็นการใช้เงินลงทุนรวมสำหรับในปี 62 ที่ระดับ 1.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับโครงการ CFP ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์น้ำมัน และเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันจะเป็นการอัพเกรดน้ำมันเตาไปเป็นน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันดีเซลมากขึ้น โดยจะไม่มีผลผลิตน้ำมันเตาที่มีมาร์จิ้นต่ำออกมาเลยจากปัจจุบันที่มีน้ำมันเตาอยู่ราว 7% ขณะที่น้ำมันเครื่องบินและน้ำมันดีเซล จะเพิ่มเป็น 70% จากเดิม 60% ขณะที่น้ำมันเบนซินจะมีสัดส่วนลดลง จากปัจจุบันอยู่ที่ 15% ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ที่แนวโน้มการใช้จะลดลงจากการที่มีรถ EV เข้ามามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นมองว่าแนวโน้มไทยอาจจะต้องมีการนำเข้าน้ำมันเครื่องบินในช่วงปี 65 จากความต้องการใช้ที่เพิ่มมากขึ้นของภาคการท่องเที่ยว หลังไทยจะขยายพื้นที่สนามบินมากขึ้น โดยเฉพาะสนามบินอู่ตะเภา แต่หากโครงการ CFP ของบริษัทแล้วเสร็จก็ทำให้ไทยอาจไม่ต้องนำเข้าน้ำมันเครื่องบินได้อีกอย่างน้อย 5-10 ปี
ส่วนการดำเนินงานโรงไฟฟ้าขนาด 250 เมกะวัตต์ มูลค่า 651 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ CFP นั้น กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ซึ่งเป็นบริษัทด้านธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม บมจ.ปตท. (PTT) นั้นเพื่อให้เป็นผู้ดำเนินโครงการ ซึ่งโครงการ CFP จะต้องแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการในปี 2566
สำหรับภาพรวมการดำเนินงานในปี 2561 คาดว่าจะมียอดขายรวมประมาณ 3 แสนล้านบาท ลดลงจากระดับ 3.37 แสนล้านบาทในปี 60 จากราคาน้ำมันที่ลดลง ขณะที่กำไรจะปรับลดลงจาก 2.49 หมื่นล้านบาทในปีที่แล้วที่นับเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากมาร์จิ้นที่ลดลงเช่นกัน