เอกชนพรึ่บ! หนุนรัฐไฟเขียวขายเหล้า
ภาคเอกชนกลุ่มเหล้า-เบียร์ ตีปี๊บ! ตั้งองค์กรเชียร์รัฐเปิดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมรณรงค์ “นักดื่ม” ยึดกติการัฐ ไม่แหกกฎหรือสร้างความเสี่ยงกระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้าน TABBA ยืนยัน! เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้เป็นสาเหตุให้เกิดการแพร่เชื้อ ขณะที่ 7 องค์กรตัวแทนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งสมาพันธ์สนับสนุนการดื่มที่บ้าน เผย! กลุ่มร้านอาหารกึ่งผับ บาร์ กลับมาเปิดอย่างไม่เต็มรูปแบบถึง 45%
แม้จะยังไม่โดน ข้อหาฉกรรจ์! สำหรับคนไทยใน กลุ่ม “ทาสสุรา” หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการอนุญาตให้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อนำกลับไปดื่มที่บ้าน แบบมีเงื่อนไข “ไม่มั่วสุม…ไม่เป็นจุดเสี่ยงแพร่ระบาดเชื้อไวรัสฯรอบใหม่” แต่หากไวรัสโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง! ยังจะมีหลักประกันใดว่า กลุ่ม “ทาสสุรา” จะไม่โดนประมาณจากสังคมไทย
ล่าสุด สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย (TABBA) เปิดหน้าสนับสนุนมาตรการภาครัฐ ด้วยเชื่อว่าหากประชาชนปฏิบัติตามแนวทางที่รัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด ประเทศไทยจะสามารถควบคุมโรคระบาด รวมถึงสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสมาคมฯ ยืนยันว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ใช่สาเหตุของการแพร่ระบาด และการห้ามจำหน่ายเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด ทั้งยังจะก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น เหล้าเถื่อน ตลาดมืด ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลเสียต่อทั้งภาครัฐและประชาชน
นายธนากร คุปตจิตต์ นายกฯ TABBA ย้ำว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้เป็นสาเหตุให้เกิดการแพร่เชื้อ อาจมีคนมองว่าแอลกอฮอล์ต้องมาพร้อมกับการสังสรรค์ในหมู่เพื่อนซึ่งไม่เป็นความจริงเสมอไป ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่อาจเป็นต้นตอให้เกิดการรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน ดังนั้น TABBA จึงมองว่าการระงับห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด สิ่งที่ควรทำคือสร้างความเข้าใจและย้ำเตือนผู้บริโภคให้ปฏิบัติตามมาตรการ Social Distancing ของภาครัฐ ว่าเราต้องปรับตัวตาม สภาวะปกติแบบใหม่ หรือ New Normal ที่การฉลองสังสรรค์จะทำในรูปแบบเดิมไม่ได้ในช่วงเวลานี้ และขอให้ภาครัฐบังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการควบคุมโรคระบาดอย่างเคร่งครัด
พร้อมก้นนี้ TABBA ยังฝากไปยังนักดื่มให้รู้เท่าทันการบริโภคแอลกอฮอล์ของตน ให้สอดคล้องและไม่ฝ่าฝืนกับมาตรการของรัฐ กล่าวคือ ไม่รวมกลุ่มสังสรรค์ ไม่บริโภคเครื่องดื่มจากแก้วหรือภาชนะเดียวกัน ไม่บริโภคในที่สาธารณะ และการดื่มที่บ้านก็ยังต้องทำอย่างรับผิดชอบ โดยไม่ดื่มขณะท้องว่าง ดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ ดื่มน้ำตามเยอะๆ ไม่ดื่มเกินพอดีจนขาดสติสัมปชัญญะ
นอกจากนี้ ยังควรกำหนดวันงดดื่ม หรือหากิจกรรมอย่างอื่นทำเพื่อผ่อนคลาย เนื่องจากในช่วงการแพร่ระบาด เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทุกคนควรครองสติให้ได้มากที่สุด การดื่มอย่างรับผิดชอบที่บ้าน จึงนับว่าเป็นการเฝ้าระวังตัวเองไม่ให้เป็นภาระแก่สังคมในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้อีกด้วย นอกจากนี้ TABBA ยังแนะนำให้ผู้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัดระเบียบในการซื้อขาย ให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม แจกบัตรคิวการเข้าซื้อ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อและความชุลมุน จึงขอฝากให้ผู้ขายช่วยสอดส่องดูแลอีกทาง โดยเชื่อมั่นว่าหากทุกฝ่ายช่วยกันรณรงค์ให้ผู้บริโภคเข้าใจสภาวะ New Normal นี้ ก็จะสามารถเฝ้าระวังการแพร่เชื้อได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการหักดิบที่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศ
อีกด้านหนึ่ง กลุ่ม 7 องค์กรตัวแทนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เคยยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รวมถึงมีแผนจะเดินทางเข้าพบ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นั้น ล่าสุด แกนนำของ 7 องค์กรตัวแทนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นำโดย ชมรมผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายคราฟท์เบียร์ ชมรมผู้ประกอบการร้านคราฟท์เบียร์ มีมติเห็นควรให้จัดตั้ง “สมาพันธ์สนับสนุนการดื่มที่บ้าน” ในชื่อย่อ สสบ. สนับสนุนการทำงานของ สสส ตามแคมเปญ #สัญญาว่าจะอยู่บ้าน โดยทางกลุ่มถือเป็นกระบอกเสียงจากคนที่เข้าใจความหวังดีของภาครัฐและเข้าใจสิทธิและเสรีภาพของผู้ดื่ม จึงต้องการสื่อสารผ่านภาษาของคนหัวอกเดียวกัน คาดว่าจะได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ สื่อมวลชน และภาคประชาชน ในการรณรงค์แคมเปญที่สร้างสรรค์นี้
นายอาชิระวัสส์ วรรณศรีสวัสดิ์ ตัวแทนจากชมรมผู้นำเข้าและจำหน่ายคราฟท์เบียร์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของสมาพันธ์สนับสนุนการดื่มที่บ้าน คือ การรณรงค์สร้างทัศนคติในการดื่มอย่างมีสติและความรับผิดชอบ ดื่มเพื่อความสุนทรีย์มากกว่าเพื่อเมา ซึ่งเป็นการรณรงค์ที่ต่างจากที่เคยมีมาตลอด และจะชูนโยบายการดื่มที่ไม่สร้างปัญหากับสังคมหรือสร้างความเสี่ยงให้กับบุคคลอื่นในสังคม โดยแคมเปญที่ทำจะมุ่งเน้นให้กลุ่มผู้ดื่มต้องรับผิดชอบตัวเองและรับผิดชอบต่อสังคม หากผู้ดื่มให้ความร่วมมือกับแคมเปญจนส่งผลให้เห็นถึงความแตกต่างในเชิงสถิติแบบวัดผลได้แล้ว ก็เชื่อว่าจะสามารถสร้างความเชื่อใจและการให้เกียรติ รวมถึงการเคารพสิทธิซึ่งกันและกันต่อกลุ่มคนที่คิดต่าง หรือคนที่ต่อต้านการดื่มได้
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า มีตัวเลขของผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มร้านอาหารกึ่งผับ บาร์ ที่มีการกลับมาเปิดอย่างไม่เต็มรูปแบบ ประมาณ 45% ของร้านที่หยุดกิจการในช่วงที่ผ่านมา โดยเริ่มระบายสินค้าที่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปบ้างแล้ว โดย นายนิติพันธุ์ ครุธทิน ตัวแทนจากชมรมผู้ประกอบการร้านคราฟท์เบียร์ กล่าวถึงตัวเลขการกลับมาเปิดกิจการ ของผู้ประกอบการร้านคราฟท์เบียร์ ว่า จากการได้สอบถามกันเองในชมรมผู้ประกอบการร้านคราฟท์เบียร์ ที่มีสมาชิกรวมกันประมาณ 600 ร้าน จากทั่วประเทศ พบว่ามีการกลับมาเปิดแบบเต็มรูปแบบ โดยดำเนินการตามนโยบายภาครัฐคือ ให้นั่งห่างกัน 1.5 เมตร เสริฟอาหารของใครของมัน ไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบดื่มที่ร้าน แต่ให้ซื้อกลับบ้านได้ จำนวน 5%
โดยมีการเปิดกิจการขายเฉพาะเครื่องดื่มเพื่อระบายสต็อคคงค้าง จำนวน 40% โดยยังมีอีกกว่า 55% ที่ยังรอความชัดเจนเพิ่มเติม เนื่องจากการกลับมาเปิดแต่ละครั้งมีต้นทุนสูง ทั้งการสต็อควัตถุดิบของสด หรือการจำหน่ายอาหารที่ต้องนั่งห่างกันตามที่รัฐกำหนด ซึ่งส่วนใหญ่ยังมองว่าอาจจะไม่คุ้ม จึงยังต้องวางแผนและรอดูทิศทางการกลับมาของกลุ่มลูกค้าด้วยเช่น
ทั้งนี้ สมาพันธ์สนับสนุนการดื่มที่บ้าน ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการร้านอาหารกึ่งผับบาร์ ในการติดแฮชแท็ก #สัญญานะว่าจะดื่มที่บ้าน และ ในส่วนของภาคประชาชนได้รับความร่วมมือจากเพจนักวิจารณ์แอลกอฮอล์ต่างๆ ช่วยแชร์แฮชแท็ก #สัญญาว่าจะดื่มที่บ้าน โดยใช้กิมมิค “ยกแก้ว กระดกนิ้วก้อย” เสมือนเป็นพันธะสัญญาร่วมกันของผู้จำหน่ายและผู้บริโภค ในการจะให้ความมร่วมมือกับการทำงานของภาครัฐอย่างเต็มที่
“เราต้องขอขอบคุณภาครัฐ และสื่อมวลชน ที่ฟังเสียงผู้ประกอบการธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และลบภาพการเป็นผู้ร้ายในสังคม ซึ่งทางชมรมได้วางแผนที่จะขับเคลื่อนและรณรงค์แคมเปญอื่นๆ เพิ่มเติม ภายใต้นโยบาย “การดื่มอย่างรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม” และจะมีการปลูกฝังเรื่องเมาไม่ขับ ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่สร้างความรำคาญ รับผิดชอบชีวิตตนเองเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี และรับผิดชอบต่อสังคม โดยเราหวังว่าภาษาเดียวกันที่เราคุยกันกับนักดื่ม จะสร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้น และเป็นทิศทางใหม่ๆ ในการทำแคมเปญร่วมกับภาครัฐในอนาคต ” นายอาชิระวัสส์ ย้ำทิ้งท้าย.