ชิงเหลี่ยม 1.9 ล้านล้าน ลากบิ๊กตู่-โควิดสกรัมกลางสภา
การเมืองช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เงียบสงัด เพราะ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 “ริบอำนาจ” นักการเมือง และเป็นช่วง “สภาห้าร้อย” อยู่ระหว่างปิดสมัยประชุมสามัญสภาผู้แทนราษฎร
จึงปรากฏภาพ “พันธมิตรฝ่ายค้าน” นำโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) ตั้งโต๊ะแถลง 6 พรรคกับอีก 1 เสียงจากพรรคเศรษฐกิจใหม่- มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังปวงชนไทย พรรคประชาชาติ และพรรคประชาชาติ
6 พรรค + 1 ฝ่ายค้าน เรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ออกร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เปิดสมัยประชุมวิสามัญ เพื่อพิจารณา “ญัตติร้อน” การแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของรัฐบาล โดยมี “วาระซ้อนเร้น” เพื่อลากพล.อ.ประยุทธ์ เข้าสภาซักฟอก-เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “นอกฤดู” รวมถึงการ “สาวไส้ใน” พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินฉุกเฉิน 3 ฉบับ ได้แก่
ฉบับที่ 1 พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท
ฉบับที่ 2 พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 วงเงิน 5 แสนล้านบาท
ฉบับที่ 3 พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563 วงเงิน 4 แสนล้านบาท
อีกด้าน-พรรคร่วมรัฐบาล “มุมกลับ” ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรคชาติพัฒนา (ชพ.) ยื่นหนังสือถึง “อุตตม สาวนายน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตรวจสอบการใช้เงินตามพ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ วงเงินรวม 1.9 ล้านล้านบาท
นำโดย “เทพไท เสนพงศ์” ส.ส.นครศรีธรรมราช ประชาธิปัตย์ “กล้ามเนื้อนอกบังคับ” ของพรรคประชาธิปัตย์-พรรคร่วมรัฐบาล นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ นายธนยศ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี พรรคภูมิใจไทย นาย วัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา
ทั้ง 6 พรรคพันธมิตรฝ่ายค้าน – 3 พรรคร่วมรัฐบาลมุมกลับ มีเป้าหมายเดียวกัน คือ “รุมสกัม” พรรคพลังประชารัฐ-รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่ “ลอยแพ” นักเลือกตั้ง-พรรคการเมือง .
โดยเฉพาะการใช้เงินกู้เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท ถูกมองว่า “รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์” จะใช้เงินกู้เพื่อ “ชิงไหวชิงพริบ” เป็น “แต้มต่อ” เรียก “คะแนนนิยม” ทางการเมือง
ยิ่งเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ยุติการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน “เปิดประเทศ” คลายล็อกดาวน์เศรษฐกิจ – “รีสตาร์ทการเมือง” ทำให้อุณหภูมิ “แฟลชม็อบ” ที่เรียกร้องให้รื้อ-ร่างรัฐธรรมนูญ และให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก
ยิ่งหลังผ่านวิกฤติโควิด-19 “จับพลัดจับผลู” รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ประสบ “อุบัติเหตุทางการเมือง” ทางออกเดียวที่จะ “กุมความได้เปรียบ” คือ การถืออำนาจรัฐ-อำนาจเงิน “ชิงยุบสภา”.