‘ทรัมป์’ หยุดจ่ายเงิน WHO จากโควิด-19
(CNN) – เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯประกาศว่าเขาจะยุติการจ่ายเงินสนับสนุนให้องค์การอนามัยโลก (WHO)ในขณะที่มีการทบทวนพิจารณาศักยภาพในการปฏิบัติงานขององค์กร
โดยทรัมป์ระบุว่า การทบทวนจะครอบคลุมบทบาทของ WHO ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งมีการบริหารจัดการที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงและปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
คำประกาศของทรัมป์มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของการระบาดครั้งใหญ่ในรอบหลายทศวรรษทั่วโลก และในขณะที่เขากล่าวปกป้องการจัดการโรคระบาดในสหรัฐฯของตัวเขาเอง
ขณะที่มีการตั้งคำถามทรัมป์ว่า ที่ผ่านมาเขาประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป หรือเพิกเฉยไม่สนใจคำเตือนจากหน่วยข่าวกรองถึงความร้ายแรงของโรคระบาด แต่เขากลับโยนความผิดไปให้กับคนอื่นตลอด ทั้ง WHO และสื่อที่รายงานข่าวหลายสำนัก
เขาระบุว่า สหรัฐฯจ่ายเงินอุดหนุนจำนวน 400 – 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 13,116 – 16,395 ล้านบาท) ให้ WHO ในแต่ละปี ขณะที่เขาย้ำว่าจีนจ่ายเงินอุดหนุนให้ WHO ประมาณ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( ราว 1,311 ล้านบาท ) เท่านั้น
“สิ่งที่ WHO ทำคือส่งผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ไปจีนเพื่อประเมินสถานการณ์ และไม่ติดตามประเด็นการขาดความโปร่งใสของจีน มีตัวเลขผู้เสียชีวิตจากแหล่งการระบาดเพียงน้อยนิด” ทรัมป์กล่าว
การงดจ่ายเงินให้ WHO มีขึ้นหลังจากที่เขาสงสัยข้องใจกับการทำงานขององค์กรระดับโลกก่อนการระบาดของไวรัส โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์ตั้งคำถามเรื่องเงินอุดหนุนที่สหรัฐฯจ่ายให้กับองค์การสหประชาชาติมากที่สุด นอกจากนี้ เขาถอนสหรัฐฯออกจากข้อตกลงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และวิจารณ์องค์การการค้าโลกอย่างรุนแรงว่าขูดเลือดขูดเนื้อสหรัฐฯ
โดยเมื่อวันที่ 14 เม.ย. ทรัมป์ระบุว่า หาก WHO ชี้แจงอย่างถูกต้อง เขาจะประกาศคำสั่งห้ามไม่ให้ชาวจีนเดินทางเข้าสหรัฐฯได้เร็วกว่านี้ แต่ในความเป็นจริง ไม่กี่วันก่อนที่ทรัมป์จะประกาศห้ามนักเดินทางชาวจีนเข้าประเทศ ตัวทรัมป์เองยังกล่าวชื่นชมยกย่องจีนอยู่เลย
โดยในวันที่ 24 ม.ค. ทรัมป์ทวีตข้อความว่า “จีนทำงานหนักเพื่อควบคุมไวรัสโคโรนา สหรัฐฯ ขอชื่นชมความพยายามและความโปร่งใสของจีน มันจะได้ผลดี ในนามของประชาชนชาวอเมริกัน ผมขอขอบคุณประธานาธิบดีสี ! ”
การประกาศในวันที่ 14 เม.ย. เกี่ยวกับการงดจ่ายเงินสนับสนุนมีขึ้นไม่กี่วันหลังจากประเทศพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯคือ สหราชอาณาจักรประกาศเงินอุดหนุนเพิ่มเติมให้ WHO จำนวน 65 ล้านปอนด์ ( ราว 2,699 ล้านบาท ) .