‘คอลลิเออร์สฯ’ หนุนพรก.ฉุกเฉินคุมโควิดหวังจบเร็ว
“คอลลิเออร์สฯ”หนุนใช้ยาแรง “พรก.ฉุกเฉิน”ควบคุมสถานการณ์แพร์เชื้อไวรัสโควิด-19 หวังให้จบเร็ว ธุรกิจเริ่มฟื้นตัวในอนาคต ชี้ตลาดคอนโดฯ โรงแรม รีเทล เจอแรงกระทบ ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ยังเติบโต รายใหญ่หันรุกต่างจังหวัด รับดีมานด์
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวถึงการประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า จะส่งผลให้เกิดการชัตดาวน์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในทุกเซ็กเตอร์ทันที แต่จะมีผลดีต่อการควบคุมปัญหาการแพร่ระบาดการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเด็ดขาด และแก้ปัญหาให้จบเร็วขึ้น เนื่องจากธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด19 ถ้วนหน้า โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท หากยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในช่วงครึ่งปีนี้ เท่ากับว่าเราสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยว 1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 15% ของ GDP ประเทศ หลังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว หากสามารถควบคุมได้เร็ว ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ แต่หากปล่อยระยะเวลานานไป เศรษฐกิจจะยิ่งพังไปกว่านี้ ดังนั้น หลังจากนี้ไปต้องรอดูฝีมือของรัฐบาลว่าจะสามารถควบคุมปัญหาที่เกิดขึ้นได้เร็วมากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ ตลาดคอนโดมิเนียม จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการประกาศพรก.ฉุกเฉิน โดยในไตรมาสแรกของปี 63 ซัปพลายใหม่และยอดขายถือว่ามีจำนวนต่ำที่สุด โดยมียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 35% จากช่วงปกติของทุกปี ซึ่งช่วงครึ่งปีแรกจะมียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 55% สะท้อนให้เห็นว่า ในปี 63 นี้ ตลาดคอนโดฯ ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ทั้งในด้านยอดขายและซัปพลายเกิดใหม่
ขณะที่ภาคธุรกิจโรงแรมและกลุ่มธุรกิจพื้นที่เช่าค้าปลีก ได้รับผลกระทบจากเรื่องการท่องเที่ยวที่ลดลง และการลดลงของผู้ใช้บริการ ส่วนธุรกิจอาคารสำนักงาน ลูกค้าจะมีการทำสัญญาเช่าขั้นต่ำประมาณ 3 ปี ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มาก
สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งเป็นตลาด Real demand ในปัจจุบันผู้พัฒนาโครงการมีการปรับตัวที่ดี ขยายตลาดออกไปในต่างจังหวัดในหัวเมืองรอง เนื่องจากกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางของการแพร่เชื้อ ทั้งนี้ การขยายตลาดออกไปสู่ต่างจังหวัดของผู้ประกอบการเริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ในช่วงปีที่ผ่านมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น บริษัทออริจิ้น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท โกลเด้นแลนด์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) มีการขยายตลาดไปในหัวเมืองรองเพิ่มมากขึ้น นับเป็นการปรับตัวที่ดี เนื่องจากลูกค้าหลักเป็นกลุ่ม Real demand ซึ่งผู้ประกอบการเน้นการขายที่สามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง.