‘ลี’ เตือนสิงคโปร์เจอสถานการณ์ร้ายแรงจากโควิด -19
สิงคโปร์ : เมื่อวันที่ 12 มี.ค. นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงเตือนว่า สิงคโปร์กำลังประสบกับ “สถานการณ์ร้ายแรง” โดยมีความเป็นไปได้ที่จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น ในหลายชุมชนคนมากขึ้นและมีผู้ติดเชื้อจากประเทศอื่นมากขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังคงควบคุมได้ และสิงคโปร์จะไม่ยกระดับการเตือนภัยโรคระบาดสู่ระดับสีแดง
โดยในระหว่างการแถลงออกโทรทัศน์ นายกฯลีระบุว่า องค์การอนามัยโรคประกาศให้โควิด – 19 เป็นการระบาดใหญ่ทั่วโลก และคาดการณ์ว่า จะ “ระบาดต่อเนื่องยาวนานถึง 1 ปี หรืออาจจะนานกว่านั้น”
แม้สิงคโปร์จะจัดการกับสถานการณ์ด้วยความจริงจังอย่างที่สุด และองค์การอนามัยโลกยกให้สิงคโปร์เป็นตัวอย่างในการรับมือกับไวรัส แต่ประเทศก็กำลังเผชิญกับ “สถานการณ์ที่ร้ายแรง”
“ เราคาดการณ์ว่าจะมีผู้ติดเชื้อที่นำเข้ามาจากต่างประเทศมากขึ้น และจะทำให้มีการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในหลายชุมชน และตอนนี้ที่มาจากหลายประเทศจะมากกว่า 1 หรือ 2 ราย ” เขาระบุ
จนถึงวันที่ 12 มี.ค. สิงคโปร์ยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด – 19 ถึง 187 ราย โดยมีจำนวนผู้ป่วยที่หายดีและออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว 96 ราย
นายกฯ ลีเสริมว่า สิงคโปร์มีมาตรการที่คุมเข้มการเดินทาง แต่จะเป็นเพียงความเข้มงวดชั่วคราวเท่านั้น เพราะเราไม่สามารถปิดตัวเองจากโลกได้
โดยในถ้อยแถลง เขายังย้ำว่าสถานการณ์ในสิงคโปร์ “ยังคงควบคุมได้ ”
“เราไม่ปิดเมืองของเราเหมือนที่จีน เกาหลีใต้ หรืออิตาลีทำสิ่งที่เราทำคือกำหนดแผนการล่วงหน้าสำหรับมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น เราพยายามทำและเตรียมพร้อมให้ชาวสิงคโปร์เมื่อจำเป็นต้องปฏิบัติตาม”
นายกฯลีระบุว่า หากมีคนติดเชื้อไวรัสโควิด -19 จำนวนมาก “ เราจะไม่มีโรงพยาบาลรองรับมากพอ และแยกรักษาทุกรายได้อย่างที่เราทำอยู่ตอนนี้ ”
ทั้งนี้ ผู้ป่วยโควิด – 19 ส่วนใหญ่ หรือประมาณ 80% ของผู้ป่วย จะมีอาการของโรคไม่มาก และผู้มีความเสี่ยงสูงคือผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
โดยลีระบุว่า เพราะโควิด – 19 จะอยู่กับเราไปอีกนาน มีหลายอย่างที่เราต้องปรับตัวให้ชิน เช่น ปฏิบัติตัวให้มีสุขอนามัยที่ดี ยอมรับระเบียบสังคมใหม่ และหลีกเลี่ยงไม่อยู่รวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมาก
ในสัปดาห์ที่แล้ว มีการยกเลิกกิจกรรมชุมชนจำนวนมาก โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ โดยเมื่อวันที่ 12 มี.ค. สภาศาสนาอิสลามแห่งสิงคโปร์ประกาศปิดมัสยิดทุกแห่งชั่วคราวในประเทศ หลังจากมีชาวสิงคโปร์ที่ไปเข้าร่วมพิธีทางศาสนาในมาเลเซียติดเชื้อไวรัสโคโรนา ขณะที่พระอัครสังฆราชแห่งสิงคโปร์ระบุว่า จะยังคงงดเว้นพิธีทางศาสนาของนิกายคาธอลิกต่อไป
นายกฯลีระบุว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องศาสนา แต่ไวรัสสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วในกลุ่มคนจำนวนมาก เช่น ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา”
“ ผมหวังว่าประชาชนชาวสิงคโปร์จะเข้าใจว่า ในช่วงเวลานี้ เราอาจต้องลดทอนพิธีกรรมทางศาสนาให้กระชับสั้นขึ้น หรืองดการรวมกลุ่มกัน โปรดทำงานประสานกับผู้นำศาสนาของท่านเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนที่เหมาะสม”.