“มิสเตอร์บัน” รสแท้จากธรรมชาติ
วิธีการถนอมอาหารสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ อีกทั้งแต่ละชนชาติก็มีวิธีการถนอมอาหารที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับภูมิปัญญา วัตถุดิบ และสภาพอากาศของแต่ละประเทศ หรือแต่ละพื้นที่จะเอื้ออำนวยให้ออกมาในรูปแบบใด ดังนั้น จึงทำให้มีอาหารหลากหลายประเภทที่สามารถเก็บไว้รับประทานได้ในระยะยาว
ประเทศไทยเองก็ขึ้นชื่อเรื่องภูมิปัญหาชาวบ้านในการถนอมอาหารไม่แพ้ชาติใดในโลก จะเห็นได้จากอาหารหลากหลายรูปแบบของแต่ละภูมิภาคของประเทศที่มีให้เห็น จากอดีตที่ทำเพื่อเก็บไว้รับประทานภายในครอบครัว ก็เริ่มนำออกมาออกมาจำหน่าย
แบรนด์ “มิสเตอร์บัน” (Mr.Ban) เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ “Startup” ธุรกิจขึ้นมา โดยนำแนวคิดของการถนอมอาหารมาปรับใช้ จนได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมทั้งรูปแบบ และรสชาติ ซึ่งตอบโจทย์ความต้องบการของผู้บริโภค และให้การยอมรับมาจนถึงปัจจุบัน
-อาหารที่ชอบสู่ธุรกิจ
“กรุณา ลำดับวงศ์” บอกว่า ผลิตภัณฑ์แบรนด์ “มิสเตอร์บัน” เป็นกล้วยอบแผ่น ซึ่งมีแนวคิดของไอเดียที่มาที่ไปมาจากการที่ครอบครัวของตัวเธอชอบรับประทานกล้วยเป็นอย่างมาก จนเกิดแนวคิดคิดมาว่าจะทำอย่างไรให้สามารถเก็บกล้วยไว้รับประทานได้นาน ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับการได้รู้จักกับวิธีการถนอมอาหารด้วยการทับกล้วยแล้วให้แบนก่อนที่จะนำไปเข้าตู้อบ
ทั้งนี้ การดำเนินการด้วยวิธีการดังกล่าวจะทำกล้วยสุกไว และสามารถเก็บไว้รับประทานได้นาน อีกทั้งกล้วยยังนิ่ม รับประทานแล้วอร่อย อีกทั้งด้วยความที่ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์จะไม่มีการเติมน้ำตาล รวมถึงไม่ใส่สารกันบูด และจะคัดเลือกกล้วยน้ำว้าลูกใหญ่มาใช้ในกระบวนการแปรรูป จึงกลายเป็นจุดเด่นของแบรนด์ และทำให้มีรสชาติของความอร่อยที่ไม่เหมือนผู้ใด โดยสามารถเก็บไว้รับประทานได้นานถึง 6 เดือนแบบที่ไม่ต้องแช่ตู้เย็น
“หลักคิดในการทำธุรกิจของตนก็คือการทำผลิตภัณฑ์ออกมาให้อร่อย ผู้บริโภครับประทานแล้วมีความสุข และมีสุขภาพที่ดี ไม่ได้มุ่งเน้นว่าจะต้องได้ผลตอบแทนเป็นกำไรเท่าไหร่ อย่างไร จึงได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ และได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค”
-บุกตลาดออนไลน์
กรุณา บอกต่อไปอีกว่า กลยุทธ์การทำตลาดของแบรนด์ในระยะถัดไปจะมุ่งเน้นการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่นิยมสั่งซื้อผลิตภัณฑ์บนช่องทางดังกล่าว อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่มีต้นทุนในการดำเนินการไม่มาก แต่มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอบุตรสาวซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่รู้เรื่องเทคโนโลยีมากกว่ามาช่วยดำเนินการ
“เดิมทีแบรนด์เองก็ทำตลาดผ่านทางเฟซบุ๊กอยู่แล้ว โดยได้รับความสนใจเป็นจำนวนมากจากผู้บริโภค ซึ่งการดำเนินการในลำดับต่อไป ก็จะเน้นการสื่อสารไปยังกลุ่มผู้บริโภคให้ได้รู้จักแบรนด์เพิ่มมากขึ้น และได้เห็นถึงความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ เพื่อนำไปสู่การสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ผ่านหน้าร้านที่มีผลิตภัณฑ์ของแบรนด์วางจำหน่ายอยู่”
อย่างไรก็ดี แบรนด์ยังเตรียมขยายช่องทางการจำหน่ายในรูปแบบออฟไลน์ให้เพิ่มมากขึ้นด้วย โดยล่าสุดกำลังจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้สามารถนำเข้าไปจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นอีเลฟเว่น (7-11 eleven) เพื่อเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าของแบรนด์ให้ครอบคลุม จากเดิมที่ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์จะมีจำหน่ายอยู่ที่ร้านจิฟฟี่ (Jiffy) ในปั๊มน้ำมัน ปตท. กว่า 100 สาขา รวมถึงจำหน่ายผ่านร้านขายส่ง และขายปลีกทั่วไป ร้านขายของฝากที่จังหวัดเพชรบุรี ชลบุรี และขอนแก่น เป็นต้น
“กลยุทธ์ดังกล่าวเหล่านี้จะเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น หลังจากที่บุตรสาวได้เข้ามาช่วยดูแลกิจการ ส่วนการขยายตลาดไปต่างประเทศนั้น หากถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมแบรนด์ก็พร้อมที่จะดำเนินการ แต่ในเวลานี้คงยังไม่สามารถทำได้ เพราะกำลังการผลิตยังไม่เพียงพอ”
-รับประทานได้ทุกวัย
นางกรุณา บอกอีกว่า กลุ่มลูกค้าของแบรนด์จะเป็นผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย แม้กระทั่งเด็กที่ไม่ชื่นชอบการรับประทานผลไม้ก็สามารถรับประทานได้ โดยพิสูจน์ได้จากความคิดเห็นของผู้ปกครองที่ส่งคำชมผ่านช่องทางออนไลน์โดยตรงมายังแบรนด์ โดยแบรนด์เองก็จะพยายามรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เพื่อรักษาฐานลูกค้า และวางรากฐานของธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
อย่างไรก็ดี ด้วยความที่สุขภาพของตนเองไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าใดนัก มีนัดกับแพทย์เพื่อทำการรักษาอาการเจ็บป่วย จึงมีแผนที่จะขายกิจการให้กับผู้ที่สนใจ เพื่อนำไปทำธุรกิจต่อ