ผู้นำสิงคโปร์ชี้โควิด-19 กระทบศก.
สิงคโปร์ : เมื่อวันที่ 14 ก.พ. นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงของสิงคโปร์ระบุว่า สถานการณ์ COVID-19 ที่ยังดำเนินอยู่จะส่งผลกระทบอย่างชัดเจนกับเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในอีก 2 – 3 ไตรมาสหน้า
โดยผู้นำสิงคโปร์ระบุว่า การระบาดของไวรัสในขณะนี้นับว่า “ตึงเครียดมาก”
เขาระบุว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคมีความเชื่อมโยงกันมากกว่าในช่วงที่โรค SARS ระบาดเมื่อ 17 ปีก่อน โดยชี้ว่าในปัจจุบัน จีนมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในภูมิภาค
“ ผมพูดไม่ได้ว่า เศรษฐกิจของเราจะถดถอยหรือไม่” นายกฯลีกล่าว “มีความเป็นไปได้ แต่ที่แน่ๆคือเศรษฐกิจของเราถูกกระทบ”
นายกฯลีระบุในถ้อยแถลงต่อประชาชนเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเขาชี้ว่า สิงคโปร์อาจต้องเปลี่ยนวิธีการในการรับมือกับไวรัสเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ ผมไม่คิดว่าเราบรรลุถึงจุดนั้นแล้ว” เขากล่าว “ แต่สถานการณ์มีการพัฒนาขึ้น ทุกวันมีการพัฒนาใหม่ๆเกิดขึ้น” แต่เขาชี้ว่า ขณะที่มีจำนวนมากขึ้น แต่กรณีผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ติดตามได้
เขาเสริมว่า ชีวิตต้องดำเนินต่อไป แม้ประเทศจะต้องมีการตัดสินใจที่สมเหตุสมผลในวิธีการที่จะรับมือไวรัส
โดยสิงคโปร์ต้องใช้การตรวจวัดอุณหภูมิและมาตรการอื่นๆ ให้เป็นมาตรฐานใหม่ นายกฯลีระบุว่า การใช้มาตรการต่างๆขึ้นอยู่กับพัฒนาการของการระบาดในสิงคโปร์ ในภูมิภาคและที่อื่นๆในโลก
เขาระบุว่า ขณะที่สิงคโปร์ปลอดจากโรค SARS ภายในเวลาไม่ถึง 4 เดือน แต่สำหรับไวรัสโควิด-19 แล้ว “ อาจไม่เร็วเท่านั้น”
“ มันจะหายไปในที่สุด และเราจะกลับสู่ภาวะปกติ แต่ผมพูดไม่ได้ว่า จะใช้เวลานานแค่ไหน”
ในขณะที่มีคณะกรรมการร่วมทำงานระหว่างมาเลเซียและสิงคโปร์ นายกฯลีระบุว่า เป็นสองประเทศที่แยกจากกัน แต่มีมุมมองด้านสาธารณสุขที่เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยชี้ว่ามีการเดินทางไปกลับระหว่างสองประเทศจำนวนมากในแต่ละวัน ดังนั้น มาเลเซียและสิงคโปร์จึงต้องทำงานแก้ปัญหาร่วมกัน
เขาเสริมว่า เวียดนาม ในฐานะประธานอาเซียน จะให้ความร่วมมือในการทำงานเพื่อควบคุมไวรัสด้วยเช่นกัน
ผู้นำสิงคโปร์ย้ำว่ามีการประสานความร่วมมือกันในภูมิภาคตั้งแต่เกิดวิกฤตโรค SARS
“ สำหรับเราในสิงคโปร์ หากภูมิภาคมีปัญหา มันจะยากมากๆสำหรับสิงคโปร์ที่จะแยกตัวออกมา และกำจัดปัญหาให้อยู่นอกขอบเขตของเรา”
ทั้งนี้ นายกฯลีพูดกับสื่อนอกรอบการเยือนสนามบินนานาชาติชางงี เทอร์มินัล 3 เมื่อวันที่ 14 ก.พ.
นายกฯ ลีระบุว่า สนามบินชางงีเป็นด่านหน้าในสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 โดยย้ำว่า อุตสาหกรรมการบินได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีเที่ยวบินเหลือน้อยลงมากในปัจจุบัน
จากการประสานของนายแลมปินมิน รมว.อาวุโสด้านคมนาคมและสาธารณสุข ทำให้ผู้นำสิงคโปร์ได้พบกับเจ้าหน้าที่จำนวนมากของสนามบิน ทั้งเจ้าหน้าที่จัดการกระเป๋า , เจ้าหน้าที่เช็คอิน และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง