ปลดผู้บริหารหูเป่ยจากการรับมือไวรัส
ผู้บริหารระดับสูง 2 คนในมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโคโรนา ถูกปลดและมีการแต่งตั้งคนมาทำงานแทน ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ท่ามกลางการต่อสู้เพื่อควบคุมการระบาดของไวัสที่คร่าชีวิตผู้ป่วยไปมากกว่า 1,000 คนแล้วในประเทศจีน
สถานีโทรทัศน์ CCTV รายงานว่า นายจางจิน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ที่เป็นคณะกรรมาธิการสาธารณสุขในมณฑลหูเป่ย และนายหลิวหยิงซี ประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุขถูกปลดออกจากตำแหน่ง
นายหวังเฮ่อเฉิง รองประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติ จะเข้าดำรงตำแหน่งแทนโดยควบทั้ง 2 ตำแหน่ง นายหวังผู้นี้เป็นพันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีสี โดยสัปดาห์ที่แล้วเขามีชื่ออยู่ในกรมการเมืองของมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารสูงสุดของมณฑลหูเป่ย
เฉินอี้ซิน ลูกน้องคนสนิทอีกคนของประธานาธิบดีสี ถูกรัฐบาลปักกิ่งส่งไปหูเป่ยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อรับมือกับการระบาด เฉินเป็นเลขาธิการคณะกรรมาธิการกลางด้านการเมืองและกฎหมาย ซึ่งเป็นหน่วยงานในการบังคับใช้กฎหมายสูงสุดของพรรคอมมิวนิสต์
ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการตรวจสอบแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานปราบทุจริตสูงสุดของจีนส่งคณะทำงานไปหูเป่ยเพื่อดำเนินการสอบสวนการปฏิบัติต่อนายแพทย์หลี่เหวินเลี่ยง ซึ่งเป็นหนึ่งในแพทย์กลุ่มแรกที่แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา และถูกตำรวจในหูเป่ยควบคุมตัวไปให้เซ็นจดหมายยอมรับว่าจะไม่ปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับไวรัสอีก
นายแพทย์หลี่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในวัย 34 ปี ทำให้โซเชียลมีเดียของจีนระอุไปด้วยความโกรธ มีหลายความเห็นเรียกร้องให้ทางการออกมาขอโทษที่ปฏิบัติไม่ดีกับเขา
ชาวเน็ตจีนพุ่งเป้าความไม่พอใจไปที่เทศบาลนครอู่ฮั่นและรัฐบาลมณฑลหูเป่ยที่ปิดข่าวการระบาด และมีความเห็นในโลกออนไลน์ที่ถูกเซ็นเซอร์ไม่มาก นับเป็นการแสดงความไม่เห็นด้วยกับภาครัฐของชาวเน็ตจีนที่เกิดขึ้นได้ยาก อย่างไรก็ตาม ไม่ค่อยมีคำวิจารณ์รัฐบาลกลางตั้งแต่เกิดการระบาด
ในการให้สัมภาษณ์กับสถานี CCTV ในช่วงปลายเดือนม.ค. โจวเซียนหวัง นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่น ชี้ว่ารัฐบาลกลางมีส่วนรับผิดชอบในการขาดความโปร่งใสของข้อมูลอยู่บ้าง
“ ในฐานะรัฐบาลท้องถิ่น เราไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับการระบาดแม้ว่าเราจะมีอำนาจเป็นผู้บริหารจัดการ คนจำนวนมากไม่เข้าใจในช่วงแรกของการระบาด” เขากล่าวให้สัมภาษณ์สื่อ
โจวถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการปิดเมืองอู่ฮั่น ที่เขาระงับระบบการคมนาคมขนส่งภายในเมือง
ในการให้สัมภาษณ์ เขายอมรับว่าการจัดการวิกฤตของเขา “ไม่ดีพอ” และเขา “ยินดีที่จะออกจากตำแหน่ง หากเป็นการช่วยควบคุมการระบาดของไวรัส”