เมียนมา 2020 โอกาสของธุรกิจไทย
สภาธุรกิจไทย-เมียนมา จัดงานสัมมนา “เมียนมา 2020 : มิติการเปลี่ยนแปลงกับโอกาสของธุรกิจไทย” โดยมีผู้ประกอบการนักลงทุนรุ่นใหม่ ร่วมแชร์ประสบการณ์ด้านการลงทุน และกลยุทธ์ การประกอบธุรกิจในเมียนมา
นายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา กล่าวบรรยายพิเศษในงานสัมมนา “เมียนมา 2020 : มิติการเปลี่ยนแปลงกับโอกาสของธุรกิจไทย” โดยมีนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดงาน ว่า ประเทศไทยและเมียนมาซึ่งมีพรมแดนติดกันร่วม 2,000 กิโลเมตร แต่นักธุรกิจไทยเข้าใจและรู้จักเมียนมาน้อยมาก และมักจะอนุมานว่าประเทศเมียนมายังขาดแคลนทุกอย่าง แต่ปัจจุบันนี้ประเทศเมียนมาได้เปลี่ยนแปลงขึ้นมาก ทั้งในด้านการพัฒนาเมืองหลวง กรุงย่างกุ้ง ด้านการปรับปรุงกฎหมายการลงทุน การเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานเพื่อการพัฒนาประเทศ และการเพิ่มขีดความสามารถแรงงาน เป็นต้น
มิติด้านการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สภาธุรกิจไทย-เมียนมาเล็งเห็นและคาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยอย่างยิ่ง จึงได้จัดงานสัมมนาในครั้งนี้เพื่อเป็นเวทีและโอกาสในการบอกกล่าวถึงผู้ประกอบการไทยให้จับตามองประเทศเมียนมาให้ดีๆ วันนี้มิติของการเปลี่ยนแปลงของเมียนมาได้เห็นชัดเจนขึ้นทุกขณะ การเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างในเมียนมา เช่น การเปลี่ยนแปลงด้านการพัฒนาบ้านเมือง การเปลี่ยนแปลงด้านกฏหมาย การเปลี่ยนแปลงด้านสาธารณสุข การเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษา การเปลี่ยนแปลงด้านไอทีและการสื่อสาร การเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ
ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงหลายๆ ด้านดังกล่าว ทำให้โอกาสทางการค้าและการลงทุนย่อม มีมากขึ้น หากมองตามกลุ่มธุรกิจต่างๆ มีหลากหลายธุรกิจที่เหมาะสมที่จะเข้าไปบุกตลาดเมียนมาในปัจจุบันนี้ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น เพราะปัจจุบันนี้แรงงานรายวันของเมียนมามีค่าแรงเพียงวันละประมาณ 90 บาทเท่านั้น ผลของการประหยัดค่าแรง จะส่งผลให้เป็นกำไรได้อย่างมากมายมหาศาลต่อกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและเกษตรอุตสาหกรรม
เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำที่มีแม่น้ำสองสายใหญ่ผ่ากลางประเทศ ทำให้ไม่ขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูก รวมทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมประมงแปรรูป อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการศึกษาและการฝึกอบรมอาชีพ อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงาม และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย
ทั้งนี้จะเห็นว่าโอกาสของนักธุรกิจไทยที่มีความชำนาญด้านต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์ในรูปของการค้าและการลงทุน อีกทั้งยังสามารถที่จะใช้ที่ประเทศเมียนมาเป็นฐานการผลิตและใช้ประเทศไทยเป็นฐานของการตลาดได้อย่างดี นี่จึงเป็นโอกาสทองของนักธุรกิจไทยทั้งสิ้น.