คาดตลาดวัสดุก่อสร้างเติบโตรับปัจจัยบวกภาษีที่ดินฯ
“DRT” ส่องเทรนด์วัสดุก่อสร้างปี 63 ลุ้นรับอานิสงส์ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คาดตลาดปรับปรุงและซ่อมแซมได้รับอานิสงส์ เพิ่มแรงหนุนภาพรวมการเติบโต พร้อมเพิ่มสต็อกสินค้ารอขายรองรับ 5-10 วัน รับออเดอร์ที่เข้ามา
ผลจากการบังคับใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 2563 ทำให้เกิดความตื่นตัวกับเจ้าของที่ดิน หรือ ผู้ที่มีที่อยู่อาศัยในหลายแห่ง ต้องปรับตัวให้เข้ากับกฎหมายเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีนั้น ในมุมของนายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT กล่าวถึงแนวโน้มภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างปี 2563 เติบโตใกล้เคียงกับภาพรวมเศรษฐกิจ หรือไม่เกิน 5% จากปัจจัย พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่มีผลบังคับใช้ในปีนี้ จะช่วยกระตุ้นให้เจ้าของที่ดินนำที่ดินเปล่าที่เก็บสะสมไว้มาใช้ประโยชน์ เพื่อลดภาระการจ่ายภาษี เช่น นำมาปลูกสร้างที่อยู่อาศัยหรือลงทุนก่อสร้างร้านค้าเพื่อค้าขาย ส่งผลดีต่อความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันยังมองว่า ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพื่อนำไปปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 40% ของมูลค่าตลาดรวมวัสดุก่อสร้างทั้งหมด เมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา ซึ่งสัดส่วนยอดขายสินค้าเพื่อปรับปรุงและซ่อมแซมอยู่ที่ 20-30% และเพื่อการก่อสร้างบ้านใหม่อยู่ที่ 70-80% จากปัจจัยการพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานของผลิตภัณฑ์วัสดุตกแต่งภายในและภายนอก มีฟังก์ชั่นการใช้งานให้เลือกหลายแบบ สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย ส่งผลให้เจ้าของบ้านเลือกปรับปรุงและต่อเติมบ้านเพื่อรองรับการขยับขยายที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยดังกล่าว ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ชั้นนำ จึงเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อการเพิ่มโอกาสการขายสินค้าแก่ผู้ผลิตสามารถเข้าถึงผู้บริโภคในพื้นที่ต่างๆ
เช่นเดียวกับกลุ่มลูกค้าโครงการ ที่คาดว่าจะมีความต้องการใช้สินค้าและบริการติดตั้งเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยประเมินว่า ผลิตภัณฑ์กลุ่มไม้สังเคราะห์มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น จากการนำวัสดุทดแทนไม้ไปใช้ตกแต่งที่อยู่อาศัยได้อย่างหลากหลาย เช่นเดียวกับอิฐมวลเบาที่ถูกนำมาใช้ทดแทนอิฐมอญช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้าง และสามารถนำไปใช้งานในส่วนอื่นๆ อาทิ เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูป
“เรามองว่าตลาดวัสดุก่อสร้างในปีนี้ยังเติบโตจากปีก่อน สะท้อนจากยอดขายเดือนธันวาคมที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทั้งสินค้ากลุ่มหลังคา ไม้สังเคราะห์ และอิฐมวลเบาที่ยังต้องเร่งผลิตสินค้าเพื่อเพิ่มปริมาณสต๊อกสินค้ารอการขายจากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 5-10 วัน”