ญี่ปุ่นส่งออกดิ่งสุดในรอบ 3 ปี
การส่งออกของญี่ปุ่นเดือนต.ค.ลดดิ่งลงมากที่สุดในรอบ 3 ปี เป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นถดถอยได้ โดยดีมานด์จากสหรัฐฯและจีนที่อ่อนแรงทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจมืดมนลง
ข้อมูลจากกระทรวงการคลังที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ชี้ว่า ตัวเลขส่งออกของญี่ปุ่นปรับลดลง 9.2% ในเดือนต.ค. ลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์ของรอยเตอร์คาดการณ์ไว้คือ 7.6%
ตัวเลขส่งออกที่ย่ำแย่ เกิดจากการจัดส่งรถยนต์และเครื่องยนต์ของอากาศยานไปสหรัฐฯและวัสดุพลาสติกไปจีนลดลง ทำให้เป็นช่วงซบเซาที่ยาวนานที่สุด นับตั้งแต่ช่วง 14 เดือนต่อเนื่องจากเดือนต.ค. 2558 – พ.ย. 2559 ในแง่ของปริมาณ ยอดส่งออกลดลง 4.4% ในเดือนต.ค. นับเป็นการลดลง 3 เดือนต่อเนื่อง
มีการเผยแพร่ข้อมูลนี้หลังจากในสัปดาห์ก่อน ตัวเลข GDP ชี้ว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในไตรมาส 3 ชะลอตัวลงมากที่สุดจากดีมานด์ที่อ่อนแรงลง
บรรดาส.ส.เรียกร้องให้รัฐบาลหนุนการใช้จ่ายงบประมาณให้ถึง 10 ล้านล้านเยน( 2.79 ล้านล้านบาท ) ในปีงบประมาณนี้เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งมีความกังวลว่าจะมีแรงกดดันมากขึ้นจากผลกระทบของการขึ้นภาษีบริโภคในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
รัฐบาลระบุว่า มีแผนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นการรับมือกับปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ
สำหรับในภูมิภาค การส่งออกไปจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ลดลงถึง 10.3% ในเดือนต.ค. เป็นการปรับลดลง 8 เดือนต่อเนื่องเพราะการจัดส่งพลาสติกและชิ้นส่วนรถยนต์ลดลง
ขณะที่การส่งออกไปเอเชีย ซึ่งคิดเป็นมากกว่าครึ่งของยอดส่งออกโดยรวมของญี่ปุ่น ลดฮวบลงถึง 11.2% ต่อปีในเดือนต.ค. ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12
การส่งออกจากญี่ปุ่นไปสหรัฐฯลดฮวบลง 11.4% ในเดือนต.ค. จากยอดจัดส่งที่ลดลงของรถยนต์ขนาด 2,000 – 3,000 cc , ชิ้นส่วนอากาศยาน และชิ้นส่วนรถยนต์
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ส.ส.ในสภาลงมติเห็นชอบข้อตกลงการค้าที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะทำไว้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ เพื่อเป็นการปูทางให้มีการลดภาษีในปีหน้ากับสินค้าหลายประเภท ทั้งสินค้าเกษตรสหรัฐฯและอุปกรณ์เครื่องจักรของญี่ปุ่น
ยอดนำเข้าของญี่ปุ่นลดลง 14.8% ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตัวเลขประเมินเฉลี่ยว่าจะลดลงอยู่ที่ 16.0% ทำให้ดุลการค้าของญี่ปุ่นเกินดุลอยู่ที่ 17,300 ล้านเยน ( 4,876 ล้านบาท )