จี้รัฐเว้นวรรค LTV หนุน “บ้านในฝัน รับปีใหม่”
คลังร่วมพันธมิตร “ธอส.- 3 สมาคมอสังหาฯ” เปิดโครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่“ จัดแคมเปญ “ลดแลกแจกแถม” กระหน่ำส่งท้ายปี 62 ดีเดย์ “11 : 11” เผยมีแบงก์ใหญ่ขอร่วมแจม ระบุผู้ประกอบการพร้อมลดราคาบ้านเกิน 3 ล้านบาท หวังเข้าร่วมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้าน นายกอาคารชุดฯ หวังรัฐบาล เคลียร์แบงก์ชาติ “เว้นวรรค LTV” ชั่วคราว ชี้ความสำเร็จของโครงการฯวัดกันที่ยอดโอนบ้าน ไม่ใช่ยอดขาย
นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผช.รมต.ประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) ร่วมกับสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมบ้านจัดสรร และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายย่อย แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” หนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงการคลัง โดยย้ำว่าเป็นความร่วมมือของพันธมิตรกระทรวงการคลัง ประกอบ 3 สมาคมข้างต้นและธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ด้วยการออกโปรโมชั่นยิ่งใหญ่สุดอลังการส่งท้ายปี 62 ผ่านใต้สโลแกน “ซื้อปุ๊บ โอนปั๊บ รับทันที 3 สิทธิพิเศษ” ประกอบด้วย สิทธิ์ที่
1.ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% นาน 3 ปี จากธอส. รวมวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งหมดแล้วหมดเลย ทั้งนี้ ประเมินกันว่า การประหยัดค่าดอกเบี้ยจาก ธอส.ครั้งนี้ ช่วยให้ผู้ซื้อบ้านประหยัดเงินได้หลายแสนบาททีเดียว
2.ฟรีค่าโอนและค่าจดจำนองตามประกาศกระทรวงมหาดไทย โดยทุกๆ 1 ล้านบาท ปกติจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองรวมกัน 3%หรือ 30,000 บาท จะเหลือเพียงแค่ 0.2% หรือ 200 บาทเท่านั้น โดยในส่วนที่จะต้องจ่ายเป็นธรรมค่าเนียมฯให้กับกระทรวงมหาดไทย ทางผู้ประกอบการพร้อมจะชำระแทนให้ นั่นหมายความว่าประชาชนผู้ซื้อบ้านไม่ต้องควักจ่ายในส่วนของค่าธรรมเนียมฯแต่อย่างใด นั่นหมายความว่า ผู้ซื้อบ้านจะประหยัดเงินในส่วนนี้อีก 30,000 บาทในทุกๆ 1 ล้านบาท และหากซื้อบ้านในราคา 3 ล้านบาท จะประหยัดในส่วนนี้เกือบ 100,000 บาท
และสิทธิ์ที่ 3. รับโปรโมชั่น “ลดแลกแจกแถม” พร้อมส่วนลดพิเศษจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมโครงการฯ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ประกอบการแต่ละรายที่จะตัดสินมอบโปรโมชั่นกันเอง ซึ่งเชื่อว่าหากคิดเป็นมูลค่าของการจัดแคมเปญโปรโมชั่น ก็น่าจะเป็นเงินอีกนับแสนบาท
“ขณะนี้ มีผู้ประกอบบางรายที่เตรียมลดราคาขายที่พักอาศัย ซึ่งมีราคาเกินกว่า 3 ล้านบาท ให้เหลือในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อจะได้เข้ามาอยู่ในโครงการของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งได้ประสานมายังกระทรวงการคลัง เพื่อขอเข้าร่วมโครงการนี้ ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากปกติ ให้อยู่ในระดับที่ไม่สูงกว่า ธอส. ซึ่งคิดดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรกที่ 2.5% ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าจะได้แจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป”
ผช.รมต.คลัง กล่าวอีกว่า โครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.นี้ จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.62 เท่านั้น โดยวัตถุประสงค์หลักของกระทรวงการคลัง เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องประชาชน ให้มีบ้านเป็นของตัวเอง สร้างความมั่นคงให้ครอบครัว ซึ่งเป็นการส่งเสริมการออมที่มีความสำคัญประการหนึ่ง โดยตั้งเป้าอยู่ที่ 35,000 ยูนิต ซึ่งผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ทุกรายสามารถเข้าร่วมโครงการได้พร้อมกันทั่วประเทศ โดยติดต่อลงทะเบียนผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่มีสาขากระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมสามารถขอดาวน์โหลดไฟล์โครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” เพื่อทำป้ายประชาสัมพันธ์ติดหน้าโครงการได้ทันที
“หวังว่าแคมเปญดังกล่าวจะเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชนที่ยังไม่มีและกำลังมองหาที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง สามารถกระตุ้นยอดขายและเร่งให้เกิดการโอนในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ได้เป็นอย่างดี อันจะช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจพัฒนาการคมนาคมมีความคึกคักมากขึ้น และช่วยให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง” นายชาญกฤช ระบุ
ด้าน ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า สัดส่วนของคอนโดมีเนียมในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ เฉลี่ยราว 50% แต่เฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯจมีสัดส่วนมากถึง 60-65% ซึ่งในโครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” นี้ จะมีคอนโดมีเนียมที่เข้าร่วมโครงการฯ ราว 50% ซึ่งจะทำให้มีโอกาสระบายสินค้าสูงขึ้น ชดเชยกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จนทำให้ผู้ซื้อที่ทำการจองเอาไว้ โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งยกเลิกการซื้อและยอมให้โครงการฯยึดเงินไปเกือบ 100% ของชาวจีนที่จองทั้งหมดหลายหมื่นยูนิต บรรเทาปัญหาลงได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รู้สึกกังวลใจมากที่สุด คือ มาตรการ LTV (Loan-To-Value) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญทำให้โครงการดีๆ ที่ประชาชนสนใจ แต่ติดเงื่อนไข LTV จนไม่สามารถทำการโอนได้นั้น ส่งผลกระทบต่อโครงการของรัฐบาล ทั้งนี้ ตัวเลขการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับตัวเลขการโอนฯที่เกิดขึ้นจริง โดยหาโครงการนี้ มีการตกลงทำการซื้อขาย แต่ผู้ซื้อมีคุณสมบัติไม่ผ่านตามมาตรการ LTV โครงการฯก็ไม่ถือว่าประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด
“เหมือนรัฐบาลทำโครงการฯได้ไม่ครบวงจร เพราะการสร้างโครงการดีๆ ที่ประชาชนให้ความสนใจ แต่ยังติดขัดที่กฎระเบียบ อย่าง LTV จนทำให้การโอนอสังหาริมทรัพย์ไม่เกิดขึ้นจริง ถือเป็นเสียโอกาสอย่างมาก น่าที่รัฐบาลควรจะหารือเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ โดยเฉพาะการผ่อนปรบเกณฑ์ LTV เป็นการชั่วคราว ให้กับลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ” นายกสมาคมอาคารชุด ระบุ
ด้านนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า โครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” น่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายที่อยู่อาศัยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 62 นี้ ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่า เมื่อผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถระบายสินค้าออกไปได้แล้ว รายได้ที่มีเข้ามาจะถูกนำไปใช้เพื่อการดำเนินโครงการใหม่ๆ ในปีต่อไป เนื่องจากจะต้องคงปริมาณซัพพลายให้เพียงพอต่อความต้องการในปีหน้าเช่นกัน.