ธนารักษ์เปิดทางสุพรรณฯผุดตลาดกลางเกษตร
กรมธนารักษ์เดินสาย “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในพื้นที่ราชพัสดุ” ถึงเมืองสุพรรณฯ หวังกระจายรายได้สู่ชมชนท้องถิ่น สั่ง “นำร่อง” จัดประชุมหน่วยงานรัฐ พร้อมเปิดตลาดนัดชุมชน ปีละ 10-12 ครั้ง คาดเม็ดเงินสะพัดปีละ 6 แสนถึง 1 ล้านบาท พร้อมต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์และผุดแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน เผยยอมเปิดช่องสร้างตลาดกลางและศูนย์กระจายสินค้าเกษตรบนที่ราชพัสดุตามที่หอการค้าสุพรรณบุรีเสนอมา แต่แผนบริหารจัดการต้องเข้มแข็งและเป็นธรรม
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวระหว่างเปิดโครงการ “จัดทำชุมชนให้เป็นห้องประชุมในพื้นที่ราชพัสดุ” ณ ต.ย่านยาว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี เมื่อช่วงสายวันที่ 5 พ.ย.62 ว่า โครงการดังเกิดขึ้นตามนโยบายของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่ต้องการลดปัญหาความเหลื่อมทางเศรษฐกิจ และสร้างโอกาสในชีวิตให้กับชาวบ้านและเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งนอกจากการจัดประชุมหน่วยงานในสังกัดของกรมธนารักษ์ และคณะผู้บริหารคลังประจำจังหวัดสุพรรณบุรี (คบจ.) อย่างน้อยเดือนละครั้งแล้ว ยังเปิดพื้นที่สร้างเป็นตลาดนัดชุมชนให้พี่น้องประชาชนได้นำผลิตภัณฑ์มาจำหน่ายในพื้นที่ราชพัสดุได้ฟรี! โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าแต่ละครั้งของการจัดประชุมฯจะนำและสร้างรายได้เสริมมาสู่พี่น้องประชนและชุมชน ไม่ต่ำกว่า 50,000 – 100,000 บาท
“โครงการ “จัดทำชุมชนให้เป็นห้องประชุมในพื้นที่ราชพัสดุ” มีเป้าหมาย “3 สร้าง” ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อเป็นการกระจายรายได้ภายในแต่ละชุมชน ประกอบด้วยการสร้างอาชีพ การสร้างรายได้ และการสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยจะเชิญชวนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะสถาบันการเงินของรัฐ และพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงวัฒนธรรม และกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เข้ามาร่วมต่อยอดโครงการฯ ตั้งแต่การจัดหาแหล่งเงินทุน การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนต่อไป”
จากนั้น อธิบดีกรมธนารักษ์ได้จัดประชุมเพื่อมอบนโยบายและรับฟังปัญหาจากข้าราชการในสังกัดกรมธนารักษ์ และคบจ.สุพรรณ รวมถึงรับฟังปัญหา ข้อร้องเรียน และข้อเสนอแนะจากชาวบ้านและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะข้อเรียกร้องของหอการค้าจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ต้องการพื้นที่ในการจัดสร้างตลาดกลางและศูนย์กระจายสินค้าการเกษตรของจังหวัดสุพรรณบุรี เนื่องจากยังไม่มีตลาดกลางและศูนย์กระจายสินค้าฯ ทั้งที่เป็นจังหวัดเกษตรกรรม เพาะปลูกข้าว อ้อย และสินค้าเกษตรอื่นๆ ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ
นายยุทธนาย้ำว่า ขอให้หอการค้าจังหวัดสุพรรณบุรีเร่งประสานกับธนารักษ์จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อสำรวจหาพื้นที่ที่ต้องการในการจัดสร้างตลาดกลางและศูนย์กระจายสินค้าการเกษตรฯดังกล่าว ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม หอการค้าจังหวัดสุพรรณบุรีจำเป็นจะต้องมีแผนงานในการบริหารจัดการโครงการดังกล่าว เพื่อไม่ให้ตลาดกลางและศูนย์กระจายสินค้าการเกษตรฯกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่าในอนาคต เพียงเพราะไม่มีเกษตรกรมาจำหน่ายสินค้า และไม่มีกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการมาซื้อสินค้า
“กรมธนารักษ์พร้อมสนับสนุนกิจกรรมที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนและเกษตรกรให้ได้เข้าถึงโอกาสที่ดีในมิติต่างๆ โดยเฉพาะการจัดตั้งตลาดกลางและศูนย์กระจายสินค้าการเกษตรฯของจังหวัดสุพรรณบุรี บนพื้นที่ราชพัสดุ ตามที่หอการค้าจังหวัดสุพรรณบุรีร้องขอมานั้น เป็นสิ่งสามารถดำเนินการได้ แต่ต้องเป็นโครงการไม่เน้นการแสวงหาผลกำไรเกินความจำเป็น และต้องดปิดโอกาสให้กับเกษตรกรในพื้นที่ได้ขายสินค้าในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมด้วย” อธิบดีธนารักษ์ ย้ำ.