“ธนะสิทธิ์” น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเข้มข้น
จุดเริ่มต้นธุรกิจมักมีเรื่องราวที่น่าสนใจเสมอ เพราะแต่ละผู้ประกอบการก็จะมีที่มาที่ไปของไอเดียที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่มุ่งเน้นมาบรรจบบนเส้นทางสายการตลาดเดียวกัน นั่นก็คือการสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคนั้นๆ
น้ำมันมะพร้าวถือเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสรรพคุณในการใช้งานที่มีอยู่มากมาย แบรนด์ “ธนะสิทธิ์” ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ Startup ธุรกิจจากน้ำมันมะพร้าว และต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์อื่น เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น
จุดกำเนิดธุรกิจ
“สิภาลักษณ์ พุฒพีระโรจน์” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ธนะสิทธิ์ (โคโคนัฐ ออยล์) จำกัด บอกถึงที่มาที่ไปของจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจ ว่า มาจากน้องที่รู้จักคนหนึ่งแนะนำให้ได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่ง ซึ่งรับประทานทานแล้วสามารถลดน้ำหนักได้ และได้ส่งไม้ต่อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้นมาให้ตน โดยตนมองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วหมดไป และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเรื่องของสุขภาพ ตนเลยต้องการที่จะนำมาสร้างให้กลายเป็นธุรกิจซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา น้ำมันมะพร้าวยังไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าปัจจุบัน
ผลิตภัณฑ์ที่ตนทำขึ้นมาคือ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นแบรนด์ “ธนะสิทธิ์” โดยมีนวัตกรรมในการผลิตแบบไม่ผ่านกระบวนการความร้อน รวมถึงใช้หัวกะทิที่คั้นจากน้ำแรกเพียงน้ำเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นจึงนำมาฟรีซให้แข็ง และนำมาผ่านกระบวนด้วยเครื่องหมุนเหวี่ยง (CENTRIFUGE) เพื่อแยกของเหลว ซึ่งแป้ง และน้ำตาลจะตกลงข้างล่าง โดยที่น้ำมันจะลอยข้างข้างบน ซึ่งวิธีนี้จะได้น้ำมันน้อย
“น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นแบรนด์ ธนะสิทธิ์ จะมีความหนืดของน้ำมันมะพร้าวสูง มีกรดลอลิก (Lauric Acid) ซึ่งเป็นไขมันอิ่มตัวที่มีอยู่ในน้ำนมแม่ ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายสูงถึง 40-50%”
หลังจากนั้นแบรนด์จึงได้ต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่น้ำส้มควันไม้ ,คาร์บอนแคปซูล ,สบู่คาร์บอน ,กาแฟหมามุ่ย ,หมามุ่ยแคปซูล ,น้ำปอกะบิด และน้ำย่านาง-เบญจรงค์ โดยมีช่องทางการจำหน่ายผ่านเพจเฟซบุ๊ก ไลน์ และตัวแทนจำหน่าย
กลยุทธ์ธุรกิจ
สิภาลักษณ์ บอกต่อไปว่า กลยุทธ์การทำตลาดในระยะต่อไปของบริษัท จะดำเนินการร่วมมือกับศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 8 โดยจะเข้ามาช่วยบริษัทในเรื่องการวางแผนการทำตลาด ทั้งการลงสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมถึงการรีวิวผลิตภัณฑ์ให้โดนใจผู้บริโภค และการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มเติมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นแนวทางให้บริษัทนำไปต่อยอดต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมอีก 2 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ โฟมล้างหน้าจากน้ำมันมะพร้าว สำหรับทำความสะอาดผิวหน้า และเซรั่มจากมะรุม สำหรับบำรุงผิวหน้า และลดริ้วรอย เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้า และเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท โดยปัจจุบันทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอยู่ระหว่างขั้นตอนการรอใบอนุญาติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนที่จะนำออกสู่ตลาด
การทำตลาดที่วางแผนเอาไว้จะเป็นการนำเสนอโปรโมชั่นผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มของผู้บริโภค และให้เกิดความน่าสนใจที่จะทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ โดยแบรนด์มีความมั่นใจในประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ เมื่อได้มีการใช้งานจริงจะต้องถูกใจรวมถึงมีการซื้อซ้ำ และมีการแนะนำบอกต่อกันไป ซึ่งจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์กระจายไปสู่ผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทยังได้ดำเนินการเปิดให้บริการเครื่องดื่มประเภทกาแฟ (Marmui Coffee) โดยเป็นรายเดียวในประเทศไทยที่นำหมามุ่ยมาผสมกับเมล็ดกาแฟคั่วเองชงให้ผู้บริโภคได้ดื่มตามที่สั่ง ซึ่งกาแฟของร้านจะมีจุดเด่นที่รสชาติไม่เปรี้ยว กลมกล่อม ดื่มแล้วมีความขมติดอยู่ที่กระพุ้งแก้ม โดยจะคัดเลือกเมล็ดพันธุ์กาแฟอาราบิก้าจากจังหวัดเชียงรายมาเป็นวัตถุดิบในการชง
“ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะทำกาแฟผสมหมามุ่ยแบบกึ่งสำเร็จรูปเพื่อจำหน่าย โดยที่ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาความต้องการจากผู้บริโภคว่ามีมากน้อยขนาดไหน จะมีความคุ้มค่ากับลงทุนเครื่องจักรหรือไม่อย่างไร”
ลุยออกงานแสดงสินค้า
สิภาลักษณ์ บอกต่อไปอีกว่า การออกงานแสดงสินค้าเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการทำตลาดที่บริษัทจะดำเนินการมากขึ้นในระยะต่อไป โดยมองว่าเป็นกลยุทธ์ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้โดยตรง ซึ่งบริษัทจะได้มีโอกาสแนะนำผลิตภัณฑ์ และอธิบายสรรพคุณได้อย่างสะดวก หลังจากที่ผ่านมาบริษัทเองเคยออกงานแสดงสินค้ามาแล้วบ้าง และพบว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีประสิทธิภาพ แต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โดยบริษัทจะพิจารณาจากรูปแบบการจัดงาน และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของงานที่จะไปออกเป็นหลัก
“บริษัทได้รับการติดต่อจากห้างสรรสินค้าหลายแห่งให้นำผลิตภัณฑ์ไปวางจำหน่าย แต่ก็ต้องปฏิเสธไปเพราะมีการหักค่าส่วนแบ่งเป็นจำนวนที่สูง โดยบริษัทไม่ต้องการที่จะปรับเพิ่มราคาเพื่อให้ได้ผลกำไร ซึ่งจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้บริโภค”
จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทปีนี้เติบโตขึ้นประมาณ 30-40% จากปีที่ผ่านมา โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ธนะสิทธิ์ อยู่ที่เรื่องของคุณภาพ ซึ่งในส่วนของน้ำมันมะพร้าวจะเป็นแบบเข้มข้น ไม่มีการผสมสารแต่งกลิ่น และไม่เหม็นหืน เช่นเดียวกับเซรั่มจากมะรุมจะไม่มีการผสมให้เจือจาง เป็นต้น
“แบรนด์จะไม่ได้เน้นให้ได้ผลกำไรมาก แต่จะเน้นเรื่องของคุณภาพมากกว่า เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี ซึ่งจะนำมาสู่การซื้อซ้ำอีกในอนาคต โดยเชื่อว่าจะเป็นกลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจได้อย่างยั่งยืน”