สมอ.โชว์ผลงาน ปี’62 ทะลุเป้า
สมอ. โชว์ผลงานปีนี้ทะลุเป้า กำหนดมาตรฐาน ทั้งหมด 244 เรื่อง ออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการทั้งสิ้น 10,180 ฉบับ สั่งพักใช้ใบอนุญาตนำเข้าสินค้า 3,566 ฉบับ ใน 3 เดือน
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผย ผลการดำเนินงานของ สมอ. รอบปีงบประมาณ 2562 ว่า ปีนี้ สมอ.มีผลการดำเนินงานในรอบปีสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งในด้านการกำหนดมาตรฐาน การออกใบอนุญาต และการตรวจติดตามเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนงานด้านการมาตรฐานระหว่างประเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางการค้า โดยกำหนดมาตรฐานทั้งหมด 244 เรื่อง มีมาตรฐานที่สำคัญๆ ได้แก่ มาตรฐานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญอัตโนมัติ มาตรฐานผักผลไม้กระป๋อง มาตรฐานเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้ประกาศมาตรฐานบังคับอีกหลายเรื่อง ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชน ได้แก่ มาตรฐานภาชนะและเครื่องใช้เมลามีน รถจักรยานยนต์ (EURO 4) ยางล้อรถยนต์ เหล็กเคลือบสังกะสี และเพาเวอร์แบงค์ เป็นต้น
และได้ออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการทั้งสิ้น 10,180 ฉบับ ซึ่งเป็นผลงานการออกใบอนุญาตที่มากสุด โดยมีมาตรฐานที่สำคัญๆ คือ มอก. 2721-2560 มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ยางล้อสูบลม : ข้อกำหนดด้านเสียงจากยางล้อ ที่สัมผัสผิวถนนการยึดเกาะถนนบนพื้นเปียก และความต้านทานการหมุน โดยมาตรฐานนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสมรรถนะของยางล้อ และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งในวันดังกล่าว สมอ. ได้ออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการทั้งหมด 1,356 ฉบับ ภายใน 1 วัน
นอกจานั้นยังได้มีการตรวจติดตามผู้รับใบอนุญาตนำเข้าสินค้าที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการออกใบอนุญาต และสั่งพักใช้ใบอนุญาตผู้ประกอบการนำเข้าสินค้ามากที่สุดจำนวน 3,566 ฉบับ เป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2562 ถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2562 เนื่องจากไม่แจ้งข้อมูลปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ได้รับใบอนุญาตย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ทั้งนี้ ผู้นำเข้าต้องแจ้งปริมาณการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับใบอนุญาตทุกครั้ง เพื่อป้องกันมิให้มีการลักลอบนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาจำหน่าย เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคในประเทศ และทำให้การตรวจสอบควบคุมสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนั้นยังได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) จำนวน 9,944 ราย ซึ่งมากที่สุด รวมทั้งหมดที่ได้รับการรับรองให้แสดงเครื่องหมาย มผช. แล้ว จำนวน 92,617 ราย และยังได้ทำงานร่วมกับ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พัฒนาผู้ผลิตสินค้าชุมชนในหมู่บ้านซีไอวี หรือหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry Village : CIV) โดยต่อยอดพัฒนาสินค้าที่ผลิตในชุมชนให้ได้รับการรับรอง มผช. เป็นการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าในชุมชน นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สมอ. ยังบูรณาการร่วมกับ กรมการพัฒนาชุมชน ต่อยอดโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP หรือนวัตวิถี เพื่อยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ OTOP ให้มีศักยภาพเข้มแข็ง
และได้แก้ไขกฎหมาย พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.๒๕๑๑ เพื่อให้กฎหมายมีความทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์และนโยบายรัฐบาล ที่จะลดขั้นตอนการทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบในการดำเนินคดี โดยกำหนดให้สามารถเปรียบเทียบปรับได้ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและลดภาระคดีที่ศาล โดย พ.ร.บ.มาตรฐานฯ ฉบับนี้เป็นฉบับที่ 8 ที่ได้มีการแก้ไข และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา
สำหรับการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ซึ่งเป็นศูนย์ทดสอบฯ แห่งแรกในอาเซียน ปัจจุบันได้สร้างสนามทดสอบยางล้อแล้วเสร็จ และได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการมีสนามและเครื่องมือเพื่อรองรับการทดสอบ ช่วยส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นยางล้อ ยางพาราแปรรูป และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในอนาคต ทำให้อุตสาหกรรมทั้งระบบของประเทศมีความมั่นคงและยั่งยืน สร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ส่งเสริมการส่งออกและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ สมอ.ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกับ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อควบคุมและเฝ้าระวังการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า สินค้าที่ซื้อผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น เป็นสินค้าที่มีความปลอดภัยตามมาตรฐาน