“Ceresa” กลิ่นหอมโดนใจติดทนนาน
ความฝันเปรียบเสมือนเป็นจุดหมายปลายทางของธุรกิจ เช่นเดียวกับหญิงสาวที่มีชื่อว่า “สุวพิชญ์ วงศ์อภิฤทธิ์” ผู้มีความเชี่ยวชาญทางด้านการปรุงน้ำหอม ซึ่งได้มาจากการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ และการคลุกคลีอยู่ในวงการมาเป็นระยะเวลานาน โดยที่ตัวเธอมีเป้าหมายต้องการปั้นแบรนด์น้ำหอมของเธอให้กลายเป็น วิกตอเรีย (Victoris’s Secret) เมืองไทย
-เริ่มสร้างแบรนด์ธุรกิจ
สุวพิชญ์ บอกว่าแบรนด์ “Ceresa” (เซเรซ่า) Start up ธุรกิจขึ้นมาเมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอเป็นผู้ขายหัวน้ำหอม หากต้องการสร้างธุรกิจทางด้านดังกล่าวน่าจะมีความได้เปรียบ อย่างไรก็ตามตัวเธอต้องใช้เวลาถึง 1 ปี เต็มไปกับการศึกษาค้นคว้าวิธีปรุงน้ำหอม เพื่อทำให้กลิ่นฟุ้งกระจาย และที่สำคัญที่สุดคือการทำให้กลิ่นติดทนนาน ซึ่งตัวเธอทำไปพร้อมกับสำรวจความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
ส่วนปีที่ 2 ตัวเธอได้ใช้เวลาเรียนรู้เรื่องการทำตลาดออนไลน์โดยเฉพาะ เพราะเป็นช่องทางการขายในลำดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยม หลังจากนั้นในปีที่ 3 จึงเริ่มลงมือสร้างแบรนด์แบบจริงจัง โดยเลือกวางจำหน่ายผ่านทาง ห้างพารากอน,เซ็นทรัล ,เดอะมอลล์ ในโซนความงาม เช่น กูร์เมต์ มาร์เก็ต (Gourmet Market) และท็อป มาร์เก็ต (Tops Market) เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ผ่านทางยูทูป โดยจะเป็นการทำคลิปให้ความรู้เรื่องน้ำหอม และการเดินแฟชั่นโชว์ของนางแบบ นายแบบ อีกทั้งยังมีบนไอจี (IG) เฟสบุ๊กแฟนเพจ ไลน์แอด (Line@) และทวิตเตอร์ ขณะที่กูเกิ้ลจะใช้เพื่อค้นหาลูกค้าแบบโรงงานผลิตน้ำหอม เพื่อส่งหัวน้ำหอมให้เป็นการทำธุรกิจแบบ B2B หรือรับผลิต และสอนการปรุงน้ำหอม
“หัวน้ำหอมที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุง แบรนด์เลือกใช้จากประเทศฝรั่งเศส เพราะเป็นประเทศที่ถือว่าเป็นต้นกำเนิดของน้ำหอมที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วโลก”
-ขยายตลาดในและนอกประเทศ
สุวพิชญ์ บอกอีกว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์คือกลุ่มที่มีรายได้ระดับกลางจนถึงล่าง มีช่วงอายุประมาณ 27-47 ปี โดยเป็นกลุ่มที่มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยได้ ส่วนแผนการขยายตลาดเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าปีนี้จะดำเนินการทั้งในส่วนของในประเทศ ซึ่งจะเป็นรูปแบบของการขยายโชว์รูมไปสู่ห้างโรบินสันในแถบปริมณฑลก่อน โดยจะทำเป็นคอนเซ็ปต์ของค่าเฟ่ ซึ่งลูกค้าจะมีโต๊ะนั่งสำหรับจิบไวน์ หรือชา กาแฟ เบาๆ ควบคู่ไปกับการรับประทานขนมในแบบฝรั่งเศส เช่น มาการอง และมีการนวดบำบัดด้วยกลิ่น โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาขอพื้นที่ในการจัดทำที่เหมาะสม
แบรนด์ยังมีแผนที่จะทำน้ำหอมขนาด 20 มิลลิลิตร (ML) เพื่อวางจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่น (7-11 eleven) โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมกำลังการผลิตเพื่อวางจำหน่าย นอกจากนี้ช่วงประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน แบรนด์ยังมีแผนที่จะจัดแฟชั่นโชว์ ซึ่งจะเป็นการเดินแบบของนายแบบ นางแบบ และกลุ่มข้ามเพศ (LGBT) เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ต่อผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แบรนด์ยังจะมีการเซ็นสัญญาว่าจ้าง คุณแมน วทัญญู มุ่งหมายให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ผู้ชายคนแรกของแบรนด์ด้วย เพื่อเพิ่มภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์
ขณะที่การขยายตลาดในต่างประเทศนั้น ล่าสุดกำลังดำเนินการเรื่องการขอ FDA หรือ อย. จากประเทศเมียนมาร์ เพื่อนำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่าย โดยจะเป็นการเข้าไปทำตลาดด้วยแบรนด์เองในรูปแบบของการเปิดโชว์รูมในห้างสรรพสินค้า ซึ่งมองว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ด้วยจำนวนประชากรที่ยังต้องการผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมบุคลิกภาพ รวมถึงการลงทุนที่ไม่สูงจนเกินไป และคู่แข่งมีไม่มาก ที่สำคัญแบรนด์จะได้ลูกค้าในระดับที่เป็นไฮเอนด์ของประเทศ จากเดิมที่แบรนด์มีผลิตภัณฑ์จำหน่ายแล้วที่ประเทศลาว เวียมนาม และกัมพูชา
อย่างไรก็ดี แบรนด์ยังเตรียมนำเสนอน้ำหอมกลิ่นใหม่เพิ่มเติมอีก 5 กลิ่น โดยแบ่งเป็นน้ำหอมสำหรับผู้ชาย 2 กลิ่น และผู้หญิง 3 กลิ่น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า เนื่องจากแบรนด์มองว่าน้ำหอมเป็นความชอบส่วนตัว ยิ่งมีกลิ่นให้เลือกมากย่อมได้เปรียบ เพราะลูกค้าต้องการมีน้ำหอมหลายกลิ่นเพื่อใช้ในโอกาสต่างๆ ตามความเหมาะสม อีกทั้งยังจะมีกลิ่นสำหรับลูกค้าที่เป็นมุสลิมโดยเฉพาะ ซึ่งต้องปราศจากการมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมด้วย โดยอยู่ระหว่างการขอเครื่องหมายฮาลาลรับรอง
-กลิ่นหอมติดทนนาน 12 ชั่วโมง
สุวพิชญ์ บอกต่อไปว่า ปัจจุบันน้ำหอมแบรนด์ Ceresa ที่จำหน่ายและได้รับการรับรองจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) ประกอบด้วย กลิ่นเจด้าร์ (Jedar) ,กลิ่นเซียร์ เบลอ (Ciel Bleu) ,กลิ่นเอ็นไฟท์ (CERESA N.5) ,กลิ่นเอ็กซ์ตรีม (EXTREME) ,กลิ่นเซสซ่า (Cestca) ,กลิ่นซีเอสวัน (CS.1) ,กลิ่นมิราเคิล (Miracle) ,กลิ่นเชรี่ (Cheri) และกลิ่นโลแกน (Logan)
“จุดเด่นที่ทำให้แบรนด์โตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง คือความมั่นใจเรื่องกลิ่นที่ติดทนนานถึง 12 ชั่วโมง ราคาที่จับต้องได้ ภาพลักษณ์แบรนด์ ซึ่งตนเข้าใจดีว่าน้ำหอมคือสินค้าฟุ่มเฟือย ลูกค้าซื้อสินค้าประเภทนี้ด้วยอารมณ์ เพื่อเป็นการเสริมสร้างบุคลิกภาพไม่ใช่สินค้าที่จำเป็น เพราะฉะนั้นภาพลักษณ์ และแบรนด์จึงต้องดี ตนจึงมุ่งเน้นในส่วนดังกล่าวนี้มามาโดยตลอดและประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยอีกสิ่งหนึ่งที่ให้ความสำคัญคือการให้บริการหลังการขาย ซึ่งไม่ว่าสินค้าจะมีปัญหาเล็กน้อยจะรับเคลมรับเปลี่ยนหมด เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ใส่ใจแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย จนเป็นที่พูดกันแบบปากต่อปากจนเกิดภาวะผลิตภัณฑ์ขาดตลาด”
สุวพิชญ์ บอกอีกด้วยว่า แม้ตัวเธอจะศึกษาหาความรู้เรื่องน้ำหอมมามาก แต่ตัวเธอเองก็เตรียมที่จะไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่เมืองกราซ (Grasse) ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเมืองที่เป็นแหล่งกำเนิดของน้ำหอม เพื่อให้ได้ใบรับรอง (Certificate) และเป็นผู้หญิงคนเดียวของประเทศที่ได้ โดยจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลุกค้าได้มากยิ่งขึ้น.