เตือนมาเลย์อาจถูกคว่ำบาตรการค้า
เมื่อวันที่ 21 ต.ค. นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดแห่งมาเลเซียระบุว่า เศรษฐกิจมาเลเซียที่พึ่งพาการส่งออกอาจถูกกระทบจากการคว่ำบาตรทางการค้า ท่ามกลางการกีดกันทางการค้าที่ยกระดับขึ้นจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน
นายกฯ มหาเธร์ไม่ได้อ้างถึงแหล่งข่าวในประเด็นการคว่ำบาตรทางการค้ามาเลเซีย แต่ระบุว่า เขารู้สึกผิดหวังที่ประเทศผู้สนับสนุนการค้าเสรีกลับกำลังใช้วิธีการทางธุรกิจที่เข้มงวดกับการค้าในขนาดที่ใหญ่มาก
“ โชคไม่ดี ที่เราติดอยู่ตรงกลาง” ผู้นำมาเลเซียกล่าวในการประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์โดยเขาเอ่ยอ้างถึงสงครามการค้าสหรัฐฯ – จีน
“ เราเชื่อมโยงกับทั้งสองตลาดในทางเศรษฐกิจ และโดยทางกายภาพแล้ว เราติดอยู่ระหว่างกลางด้วยเหตุผลทางภูมิศาสตร์ ยังมีสัญญาณว่าเราเองอาจตกเป็นเป้าหมายของการคว่ำบาตร ”
ทั้งนี้ สหรัฐฯและจีนเป็น 2 ใน 3 ของตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของมาเลเซียในช่วงเดือนม.ค. – ส.ค.ปีนี้ โดยมีสิงคโปร์เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของมาเลเซีย
เพื่อบรรเทาผลกระทบจากความตึงเครียดระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ นายกฯมหาเธร์ระบุว่า มาเลซียต้องประสานความร่วมมือกันกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคให้มากขึ้น
โดยเขายังได้บ่นถึงการถูกบีบโดยประเทศทรงอิทธิพล โดยอ้างถึงนโยบายของประเทศยุโรปที่มีกับปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรหลักของมาเลเซีย โดยน้ำมันปาล์มที่ใช้ในการปรุงอาหารคิดเป็น 2.8% ของ GDP มาเลเซียในปีที่แล้ว และคิดเป็น 4.5% ของสินค้าส่งออกทั้งหมด
“ ทั้งที่ประเทศพวกเขาตัดป่าส่วนใหญ่ไปหมดแล้วและปฏิเสธที่จะลดการปล่อยมลพิษ แต่ปัจจุบัน พวกเขาพยายามที่จะทำให้ประเทศยากจนต้องสิ้นไร้ไม้ตอก ด้วยการห้ามไม่ให้มีการถางป่าเพื่ออยู่อาศัยและหาเลี้ยงชีพ” เขากล่าว
สหภาพยุโรปผ่านกฎหมายในปีนี้เพื่อกำจัดน้ำมันปาล์มออกจากการเป็นพลังงานทดแทนภายในปี 2573 จากความกังวลเรื่องการทำลายป่า
ยังมีความกังวลว่าอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ซื้อน้ำมันปาล์มมาเลเซียรายใหญ่ที่สุด จะเข้มงวดในการนำเข้าสินค้าจากความสัมพันธ์ทางการทูตที่ถูกกระทบจากท่าทีของนายกฯมหาเธร์ในกรณีพื้นที่พิพาทแคว้นแคชเมียร์ในอินเดีย