จีนเตือนมีความเสี่ยงเรียนต่อในสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.จีนเตือนนักศึกษาและสถาบันการศึกษาเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาต่อในสหรัฐฯ โดยชี้ให้เห็นถึงการจำกัดระยะเวลาของวีซ่า และการปฏิเสธวีซ่า ท่ามกลางสงครามการค้าและความตึงเครียดอื่นๆระหว่างสองประเทศ
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ดิ่งเหวเพราะความขัดแย้งทางการค้า การคว่ำบาตรของสหรัฐฯกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอย่างหัวเว่ย ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ และการสนับสนุนไต้หวันของสหรัฐฯ
กระทรวงศึกษาธิการของจีน ได้ออกแถลงการณ์สั้นๆ ระบุว่า นักศึกษาที่ต้องการเรียนต่อในสหรัฐฯในปัจจุบันต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องระยะเวลาที่จำกัดของวีซ่า และการปฏิเสธวีซ่าที่มีมากขึ้น
“ นี่กระทบนักศึกษาจีนที่จะไปศึกษาในสหรัฐฯ หรือศึกษาต่อให้จบ ” แถลงการณ์ระบุ “ กระทรวงศึกษาธิการขอเตือนนักศึกษาและสถาบันการศึกษาถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นก่อนที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ และมีการเตรียมการที่สอดคล้องกัน ”
อย่างไรก็ตาม ซูเม่ย โฆษกสถานีโทรทัศน์ระบุว่า แม้จะมีความตึงเครียดทางการค้า แต่ “สถานการณ์ทั่วไป” สำหรับนักศึกษาจีนที่จะไปเรียนต่อที่สหรัฐฯยังคงมีเสถียรภาพ และสถาบันการศึกษาในระดับสูงของสหรัฐฯยังคงต้อนรับนักศึกษาและความร่วมมือจากจีน
ทางกระทรวงปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเมื่อทางสื่อรอยเตอร์ติดต่อไป
กลุ่มส.ส.พรรครีพับลิกันที่สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอร่างกฎหมายในเดือนพ.ค. โดยตั้งใจจะห้ามไม่ให้มีการจ้างงานหรือสนับสนุนผู้ที่อยู่ในกองทัพจีน โดยกีดกันไม่ให้ออกวีซ่านักเรียน หรือนักวิจัยในสหรัฐฯให้กับพวกเขา
โดยกฎหมายฉบับนี้จะให้รัฐบาลสหรัฐฯสร้างรายชื่อสถาบันทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมที่เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกับกองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีน และห้ามไม่ให้มีการจ้างงานและห้ามให้การสนับสนุนสถาบันเหล่านั้นด้วยการออกวีซ่าให้
มีการเสนอร่างกฎหมายนี้เนื่องจากทางการสหรัฐฯแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในประเด็นการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา หรือการจารกรรมข้อมูลโดยผู้ที่มีสัญชาติจีนในมหาวิทยาลัยสหรัฐฯและสถาบันอื่นๆ
ทางการสหรัฐฯและมหาวิทยาลัยหลายแห่งยังได้เตือนเกี่ยวกับปฏิกริยาที่มีมากเกินไป อย่างไรก็ตาม มีการโต้แย้งถึงความสำคัญของบทบาทของนักวิชาการและนักศึกษาที่สถาบันในสรัฐฯ ขณะที่ต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงด้านความมั่นคง