ประท้วงฮ่องกงรุนแรงเป็นภัยคุกคามชีวิต
ฮ่องกง ( รอยเตอร์ ) – เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ตำรวจฮ่องกงระบุว่า การประท้วงสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงยกระดับความรุนแรงขึ้นจนเป็นภัยคุกคามถึงชีวิต หลังจากเกิดเหตุระเบิดขนาดเล็ก และตำรวจถูกแทงในระหว่างการปะทะในคืนก่อนหน้านี้
การเดินขบวนประท้วงอย่างสันติกลายเป็นเหตุจลาจลในฮ่องกงเมื่อวันที่ 13 ต.ค.เมื่อมีการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจในห้างสรรพสินค้าและบนถนนหลายสาย
กลุ่มผู้ประท้วงในชุดดำขว้างระเบิดเพลิง 20 ลูกเข้าใส่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ขณะที่ผู้ประท้วงคนอื่นๆพังทำลายร้านค้าและสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
มีการขว้างวัตถุระเบิดทำเอง ซึ่งตำรวจระบุว่าเหมือนกับระเบิดที่ใช้ใน “การก่อการร้าย” เข้าใส่รถตำรวจที่ขับผ่านมา และตำรวจเข้าเคลียร์สิ่งกีดขวางบนถนนเมื่อคืนวันที่ 13 ต.ค.โดยตำรวจนายหนึ่งถูกผู้ประท้วงฟันเข้าที่คอ
“ความรุนแรงที่เกิดกับตำรวจเป็นภัยถึงแก่ชีวิต” ถังปิงเกิง รองผบ.ตร.กล่าว “พวกนี้ไม่ใช่ผู้ประท้วง พวกเขาเป็นผู้ก่อเหตุจลาจลและเป็นอาชญากร อะไรก็ตามที่เป็นสาเหตุทำให้พวกเขาต่อสู้ไม่เคยรุนแรงขนาดนี้”
ฮ่องกงถูกเขย่าด้วยการประท้วงรุนแรงต่อต้านการกระชับอำนาจของรัฐบาลจีนมานานกว่าสี่เดือน เหตุความไม่สงบทำให้ฮ่องกงจมดิ่งลงในวิกฤตการเมืองที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่อังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนให้จีนในปี 2540 และถือเป็นการท้าทายอำนาจของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เขาดำรงตำแหน่งผู้นำจีนในปี 2555
ทั้งนีั ประธานาธิบดีสีเตือนว่า ความพยายามใดๆที่ต้องการแบ่งแยกจีนออกจากกันจะถูกบดขยี้ทำลาย
“ ใครก็ตามที่พยายามจะแบ่งแยกจีนส่วนใดส่วนหนึ่งจะจบลงด้วยการถูกบดขยี้ทั้งเลือดเนื้อและกระดูกจนเป็นผุยผง” ประธานาธิบดีสีระบุในการประชุมกับผู้นำเนปาลในระหว่างการเยือนเนปาลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 ต.ค. จากการรายงานของสถานีโทรทัศน์ CCTV
จีนปฏิเสธข้อเรียกร้องเพื่อเสรีภาพของฮ่องกง และย้ำถึงข้อผูกพันในหลักการปกครองแบบ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ของจีน โดยจีนกล่าวหาว่าประเทศตะวันตกอยู่เบื้องหลังที่ก่อให้เกิดปัญหาในฮ่องกง
การประท้วงเคยดึงดูดให้มีผู้เข้าร่วมนับล้านคนในช่วงแรกๆ แต่ต่อมาค่อยๆลดลงเป็นกลุ่มเล็กๆในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
“ เราไม่ต้องการความรุนแรง แต่ในกรณีของฮ่องกง เราไม่มีทางเลือก” แจ็คสัน ชาน ผู้ประท้วงวัย 21 ปีระบุ “ ในเดือนมิ.ย. มีคน 2 ล้านคนชุมนุมบนถนนอย่างสงบ แต่รัฐบาลแสดงให้เห็นว่าไม่เคารพความเห็นของประชาชน การยกระดับความรุนแรงขึ้นจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ การสนับสนุนความเคลื่อนไหวในฮ่องกงชัดเจน และรัฐบาลควรมีความรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการขานรับกับข้อเรียกร้องส่วนใหญ่ หากไม่รับข้อเรีบกร้องทั้งหมด”
ผู้ประท้วงหลายพันคนชุมนุมันเมื่อคืนวันที่ 14 ต.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลอนุญาต นับตั้งแต่มีการใช้กฎหมายภาวะฉุกเฉิน ซึ่งเป็นกฎหมายเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอาณานิคม และยิ่งเป็นการจุดประกายทำให้การประท้วงรุนแรงยิ่งขึ้น
ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางหลายพันรอบเข้าใส่ผู้ประท้วงที่ขว้างปาก้อนหินและระเบิดเพลิง และสามารถจับกุมผู้ประท้วงได้กว่า 2,300 คนตั้งแต่เริ่มมีการประท้วงในเดือนมิ.ย. โดยส่วนใหญเป็นวัยรุ่น
มีรายงานว่ามีผู้ถูกยิงจากกระสุนจริงและได้รับบาดเจ็บ 2 ราย
แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงมีกำหนดจะแถลงนโยบายประจำปีในวันที่ 16 ต.ค.ท่ามกลางแรงกดดันให้มีการกอบกู้ความเชื่อมั่นในรัฐบาลคืนมา
ฮ่องกงประสบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษจากการประท้วงนานหลายเดือน โดยการค้าปลีกและการท่องเที่ยวถูกกระทบอย่างหนัก.