คลังแจงยอดขอเปิดพิโกไฟแนนซ์พุ่งกว่าพันราย
โฆษก สศค. แจงขอเปิดสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ทั่วไทยโตต่อเนื่อง เฉพาะ มิ.ย.62 มีขอพิโกพลัส 53 ราย เผยยอดรวม จาก ธ.ค.59 ถึงสิ้นกลางปี 62 มี 1,100 ราย โคราชนำโด่งถึง 98 ราย ระบุยอดสินเชื่ออนุมัติสะสม 91,166 บัญชี 2,361.10 ล้านบาท เฉลี่ย 25,898.87 บาทต่อบัญชี ลั่น สตช.เอาจริงแก๊งปล่อยกู้นอกระบบ ชี้ยอดจับสะสมกว่า 5,000 คน พร้อมจุดเปิดรับแจ้งเบาะแส 5 หน่วยงานหลัก
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน และโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด ภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นเดือนแรกที่มีผู้ยื่นคำขออนุญาตฯ ประเภทพิโกพลัสรวม 53 ราย โดยผู้ขออนุญาตฯสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างใดอย่างหนึ่งใน 2 ประเภท ซึ่งสรุปได้ ดังนี้
(1) สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ให้สินเชื่อแก่ประชาชนได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย และเรียกเก็บดอกเบี้ย กำไรจากการให้สินเชื่อ ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมอื่นใด รวมกันได้ไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี (Effective Rate) หรือ (2) สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ประเภทพิโกพลัส มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ให้สินเชื่อแก่ประชาชนได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย และเรียกเก็บดอกเบี้ย กำไรจากการให้สินเชื่อ ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมอื่นใด รวมกันได้ไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี (Effective Rate) สำหรับวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 50,000 บาทแรก และสำหรับวงเงินสินเชื่อที่เกินกว่า 50,000 บาท ให้เรียกเก็บได้ไม่เกินร้อยละ 28 ต่อปี (Effective Rate)
นอกจากนี้ ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ทั้ง 2 ประเภทข้างต้น ยังสามารถให้บริการสินเชื่อโดยรับสมุดคู่มือทะเบียนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือรถเพื่อการเกษตรเป็นประกัน หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน” หรือ “สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ” ได้ด้วย
โฆษก สศค.กล่าวว่า สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ นับตั้งแต่เดือน ธ.ค.59 ที่กระทรวงการคลังเปิดให้ผู้สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ จนถึง ณ สิ้นเดือน มิ.ย.62 มีจำนวนนิติบุคคลได้ยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนคำขออนุญาตทั้งสิ้น 1,100 ราย ใน 76 จังหวัด ซึ่งเป็นคำขออนุญาตประเภทพิโกพลัส 53 ราย ใน 23 จังหวัด
สำหรับจังหวัดที่มีผู้ยื่นคำขออนุญาตสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และสินเชื่อประเภทพิโกพลัสมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา 98 ราย กรุงเทพมหานคร 82 ราย ขอนแก่น 57 ราย ทั้งนี้ มีจำนวนนิติบุคคลที่คืนคำขออนุญาตทั้งสิ้น 125 ราย ใน 51 จังหวัด จึงคงเหลือนิติบุคคลที่ยื่นคำขออนุญาตสุทธิเป็นจำนวน 975 ราย ใน 75 จังหวัด และมีจำนวนผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจแล้ว 634 ราย ใน 71 จังหวัด โดยเป็นใบอนุญาตประเภทพิโกพลัส 6 ราย ใน 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร และสงขลา และประเภทพิโกไฟแนนซ์ 628 ราย ใน 71จังหวัด มีผู้เปิดดำเนินการแล้วเป็นจำนวน 522 ราย ใน 66 จังหวัด (ประเภทพิโกพลัสจำนวน 3 ราย ประเภทพิโกไฟแนนซ์ จำนวน 519 ราย) และมีจำนวนผู้ประกอบธุรกิจที่ปล่อยสินเชื่อแล้ว 494 ราย ใน 65 จังหวัด
ทั้งนี้ สถิติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ณ สิ้นเดือน พ.ค.62 มียอดสินเชื่ออนุมัติสะสม 91,166 บัญชี รวมเป็นจำนวนเงิน 2,361.10 ล้านบาท หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่ออนุมัติเฉลี่ย 25,898.87 บาท ต่อบัญชี ประกอบด้วย สินเชื่อแบบมีหลักประกัน 44,194 บัญชี เป็นเงิน 1,351.16 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 57.23 ของจำนวนยอดสินเชื่ออนุมัติสะสม และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน 46,972 บัญชี เป็นเงิน 1,009.94 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.77 ของจำนวนยอดสินเชื่ออนุมัติสะสม
ขณะที่มียอดสินเชื่อคงค้างรวม 15,850 บัญชี คิดเป็นเงิน 424.28 ล้านบาท โดยมีสินเชื่อคงค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน 1,511 บัญชี เป็นเงิน 39.69 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9.35 ของยอดสินเชื่อคงค้างรวม และมีสินเชื่อคงค้างชำระที่เกินกว่า 3 เดือน (NPL) 859 บัญชี เป็นเงิน 19.71 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4.65 ของยอดสินเชื่อคงค้างรวม
ส่วนสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ตั้งแต่เดือน มี.ค.60 ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้อนุมัติสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน สำหรับเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบทดแทนหนี้นอกระบบ รายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.85 ต่อเดือน โดยได้เร่งกระจายความช่วยเหลือด้านสินเชื่อดังกล่าวแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
โดย ณ สิ้นเดือน มิ.ย.62 มีการอนุมัติสินเชื่อรวม 612,154 ราย เป็นเงิน 27,206.41 ล้านบาท จำแนกเป็นสินเชื่อที่อนุมัติแก่ประชาชนทั่วไป 567,448 ราย เป็นเงิน 25,279.57 ล้านบาท และสินเชื่อที่อนุมัติให้กับผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 ที่มีหนี้นอกระบบ 44,706 ราย เป็นเงิน 1,926.84 ล้านบาท
สำหรับการดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมายนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงกวดขันจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบและผู้ติดตามทวงถามหนี้โดยวิธีการผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินการสะสมการจับกุมผู้กระทำผิดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.59 – สิ้นเดือน มิ.ย.62 มีทั้งสิ้น 5,190 คน
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังคงดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาคีแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ใน 5 มิติ ได้แก่ (1) ดำเนินการจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย (2) เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ (3) ลดภาระหนี้นอกระบบโดยการไกล่เกลี่ย (4) เพิ่มศักยภาพลูกหนี้นอกระบบ และ (5) สนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบโดยองค์กรการเงินชุมชน ซึ่งประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่เปิดดำเนินการได้ทางเว็บไซต์ www.1359.go.th
ทั้งนี้ สามารถร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบที่ผิดกฎหมายได้โดยตรงที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายด่วน 1599, ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์การกู้ยืมเงินโดยสัญญาที่ไม่เป็นธรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายด่วน 1155, ศูนย์ดำรงธรรม สายด่วน 1567, ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สายด่วน 1359, ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม (ศนธ.ยธ.) โทร 0 2575 3344.