แจงรายได้-ฐานะการคลังของรัฐสุดเจ๋ง!
“โฆษกคลัง” แจง รายได้รัฐบาลช่วง 11 ด.แรก จัดเก็บได้กว่า 2.3 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 5.48 หมื่นล้านบาท ชี้เหตุที่รายได้ของหน่วยงานอื่นสูงกว่าประมาณมากที่สุด เพราะเป็นการรับรู้ส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตร ขณะที่ฐานะการคลัง พบกระแสเงินสด ณ สิ้น ส.ค.62 เกิน 5.12 แสนล้านบาท.
นายลวรณ แสงสนิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 62 (ต.ค.61 – ส.ค.62) ว่า สามารถจัดเก็บรายได้รวม 2,332,840 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 54,858 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.4 และสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 51,916 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.3 โดยเป็นผลจากการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่น, รายได้จากกรมสรรพากร และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากร โดยรายได้ทั้งหมดสูงกว่าประมาณการ 44,043 ล้านบาท (ร้อยละ 32.2), 36,016 ล้านบาท (ร้อยละ 2.1), 14,655 ล้านบาท (ร้อยละ 9.6) และ 8,016 ล้านบาท (ร้อยละ 8.7) ตามลำดับ
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับคาดการณ์รายได้รัฐบาลสุทธิ ที่กระทรวงการคลังได้จัดทำสำหรับการติดตามและประเมินสถานการณ์การจัดเก็บรายได้ (คาดการณ์ ณ เดือน มิ.ย.62) โดยพิจารณาจากสถานการณ์เศรษฐกิจและตัวแปรที่ส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้รัฐบาล พบว่า การจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 62 สูงกว่าคาดการณ์ 22,480 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.0 โดยการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานส่วนใหญ่ ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ ยกเว้นการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นที่สูงกว่าคาดการณ์ร้อยละ 6.6 เนื่องจากมีการรับรู้ส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตร (Premium) ทั้งนี้ กระทรวงการคลังคาดว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิปีงบประมาณ 62 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ด้านฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 62 โฆษกกระทรวงการคลังย้ำว่า รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 2,309,857 ล้านบาท ขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 2,754,463 ล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 348,978 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน ส.ค.62 มีทั้งสิ้น 512,274 ล้านบาท.