เผยร้านค้าร่วม “ชิมช้อปใช้” ทะลุ 1.35 แสนราย
บัญชีกลางเผย ยอดร้านค้าสมัครเข้าร่วมมาตรการ “ชิมช้อปใช้” เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 5.55 หมื่นราย ย้ำหากนับรวมร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่มีแอปถุงเงินและร้านค้าที่ติดตั้งเครื่อง EDC แล้ว มียอดร้านค้าพุ่งกว่า 1.35 แสนราย เกินเป้าไปเยอะ ระบุพร้อมเดินหน้ารับสมัครต่อเนื่องถึงวันที่ 20 ก.ย.62 เพื่อรองรับการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนจะลงทะเบียนใช้สิทธิเข้าร่วมมาตรการ
เพียงวันเดียวหลังจากที่ นายอุตตม สาวนายน และผู้บริหารจากกรมบัญชีกลาง (บชก.), สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.), การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และธนาคารกรุงไทย ยกทีมแถลงถึงความพร้อมของมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” หนึ่งในชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุด น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวถึงการเข้าร่วมมาตรการฯ ของผู้ประกอบการ ร้านค้า จากเดิมที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 40,000 ราย ประกอบด้วย ร้านอาหารที่มีเลขทะเบียนพาณิชย์ ประมาณ 14,000 ราย รวมถึงร้านอาหารขนาดเล็กในพื้นที่อีก 10,000 ราย ร้าน OTOP/วิสาหกิจชุมชน/ 6,000 ราย โรงแรมและโฮมสเตย์ อีก 10,000 ราย ทั้งนี้ หลังจากที่ บชก.ได้ปรับกลยุทธ์เชิงรุกร่วมกับธนาคารกรุงไทย ทำให้มีผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายและร้านค้าทั่วไปสนใจสมัครเข้าร่วมมากขึ้น โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการร้านค้าทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมมาตรการฯแล้ว 55,579 ราย
แยกเป็นร้านประเภทชิม 26,321 ร้านค้า ประเภทช้อป 26,576 ร้านค้า และประเภทใช้ 2,682 ร้านค้า ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มขึ้น และเมื่อรวมกับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่มี App ถุงเงินเดิมอยู่แล้วกว่า 50,000 ร้านค้า โดย ธ.กรุงไทยได้อัพเดท App ถุงเงินเวอร์ชั่นใหม่ให้อัตโนมัติ และร้านค้าประชารัฐที่ติดตั้งเครื่อง EDC กว่า 30,000 รานค้า ธนาคารกรุงไทยได้อัพเดทข้อมูลให้สามารถดาวน์โหลด App ถุงเงินได้ทันที ทำให้ยอดรวมร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการฯ ในตอนนี้มีจำนวนกว่า 135,000 ราย ซึ่งมีความหลากหลายและเพียงพอต่อการจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการของประชาชนจำนวน 10 ล้านคนที่จะมาลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการฯ ในวันที่ 23 ก.ย.62 อย่างแน่นอน
“ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้าที่อยู่ระหว่างตัดสินใจ สามารถสมัครเข้าร่วมมาตรการฯ ได้ถึงวันที่ 20 ก.ย. 62 โดย กทม.สมัครได้ที่ บชก.และสถานที่ที่ ธ.กรุงไทย กำหนด ต่างจังหวัดสมัครได้ที่สำนักงานคลังจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ ส่วนประชาชนทั่วไปที่สนใจ สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิผ่านเว็บไซต์ www.ชิมช้อปใช้.com ระหว่างวันที่ 23 ก.ย. – 15 พ.ย.62 รับจำนวน 10 ล้านรายแรกที่ลงทะเบียนภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น โดยผู้ที่จะลงทะเบียนรับสิทธิต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. เป็นคนไทย ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน 2. มีบัตรประจำตัวประชาชน 3. มี Smart Phone /เครือข่าย Internet 4. มี e-mail โดยในขั้นตอนการสมัครจะต้องระบุจังหวัดที่จะไปท่องเที่ยวจำนวน 1 จังหวัด และไม่ใช่จังหวัดตามสำเนาทะเบียนบ้านของตนเอง ซึ่งในวันที่ลงทะเบียนสามารถเข้าไปดูจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการฯ ในแต่ละจังหวัดเพื่อช่วยในการตัดสินใจ และจะได้รับ SMS แจ้งยืนยันการได้รับสิทธิภายใน 3 วันหลังจากลงทะเบียน ซึ่งช่วงระยะเวลาการไปใช้สิทธิ คือภายใน 14 วัน หลังจากได้รับ SMS จากนั้นดาวน์โหลด App เป๋าตัง ก็จะได้รับสิทธิและวงเงินใน App เป๋าตังทันที” อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าว
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวอีกว่า วงเงินใน App เป๋าตัง ที่ผู้มีสิทธิได้รับนั้น จะมี 2 ช่อง คือ เป๋าตัง ช่อง 1 (g-wallet 1) ได้รับสิทธิวงเงิน 1,000 บาท เพื่อใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการในจังหวัดที่เลือกไว้ และเป๋าตัง ช่อง 2 (g-wallet 2) สามารถเติมเงินของตนเองใน App ได้ เพื่อใช้จ่ายเป็นค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าที่พัก หรือค่าซื้อสินค้าท้องถิ่น จากผู้ประกอบการ ร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการฯ ตั้งแต่วันที่ได้รับสิทธิจนถึงสิ้นสุดโครงการในวันที่ 30 พ.ย.62 ในทุกจังหวัด ยกเว้นจังหวัดตามทะเบียนบ้าน โดยการใช้จ่ายจากเป๋าตัง ช่อง 2 รัฐบาลจะจ่ายเงินคืนให้ (Cash Back) ร้อยละ 15 ของยอดชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,500 บาทต่อคน (หรือวงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท) ซึ่งจะจ่ายคืนเงินให้หลังสิ้นสุดโครงการในเดือน ธ.ค.62
ทั้งนี้ ผู้ที่จะลงทะเบียนใช้สิทธิสามารถตรวจสอบและค้นหาตำแหน่งพิกัดของสถานประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรฯ ที่ได้ปักหมุดไว้ทั่วประเทศได้ทาง App เป๋าตัง และ เว็บไซต์ www.ktb.co.th ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ call center กรมบัญชีกลาง 02-270-6400 กด 7 และติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชิมช้อปใช้ ได้ทางเว็บไซต์กรมบัญชีกลาง www.cgd.go.th YouTube และ Facebook กรมบัญชีกลาง.