แผ่นดินไหวเขย่าแคลิฟอร์เนียครั้งที่ 2 ในรอบสองวัน
แคลิฟอร์เนีย (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 5 ก.ค. เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่มีขนาดความรุนแรง ถึง 7.1 แมกนิจูดเขย่าตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย ทำให้อาคารหลายแห่งพังเสียหาย โดยรุนแรงกว่าแผ่นดินไหวครั้งแรกที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเพียงหนึ่งวันถึง 11 เท่า
แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 20.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น ใกล้กับเมือง Ridgecrest ชายขอบอุทยานแห่งชาติ Death Valley ห่างจากลอสแองเจลิสไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 202 ก.ม. จากข้อมูลของสำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) นอกจากนี้ European – Mediterranean Seismological Agency ยังวัดขนาดความรุนแรงได้ถึง 7.1 แมกนิจูด
ลูซี โจนส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวของสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (CalTech)
ระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 5 ก.ค.เป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดหลังจากเคยเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.1 แมกนิจูดเช่นกันเมื่อปี 2542
สำนักดับเพลิงซานเบอร์นาดิโนเคาน์ตีรายงานว่า แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ก่อให้เกิดความเสียหายกับอาคาร
“บ้านสั่นไหว พื้นแยกเป็นทาง ของบนผนังหล่น” สำนักดับเพลิงระบุบนทวิตเตอร์ “ มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยรายหนึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าช่วยเหลือ ยังไม่มีเหตุที่ไม่น่าพอใจในตอนนี้”
เมื่อเช้าวันที่ 4 ก.ค.เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.4 แมกนิจูดทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย มีรายงานผู้บาดเจ็บเพียงไม่กี่ราย แต่มีบ้านสองหลังที่เกิดไฟไหม้จากท่อแก๊สระเบิด
ขณะที่ USGS ระบุว่า แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 5 ก.ค.มีความรุนแรงกว่าเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ถึง 11 เท่า
รถไฟ Metrolink ระบุบนทวิตเตอร์ว่า ได้หยุดให้บริการในลอสแองเจลิส ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรมากถึง 4 ล้านคน หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งล่าสุด
เหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 4 ก.ค.เกิดขึ้นในวันฉลองอิสรภาพ หรือวันชาติของอเมริกา ถือเป็นหนึ่งในเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนียตอนใต้นับตั้งแต่ปี 2537 ที่นอร์ธบริดจ์
โดยเหตุแผ่นดินไหวนอร์ธบริดจ์ ซึ่งเป็นศุนย์กลางที่มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นในลอสแองเจลิส คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 57 ราย และก่อให้เกิดความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ