คลังแจงไม่มีนิรโทษกรรมภาษี
กรมสรรพากรแจงมาตรการผ่อยคลายภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี ไม่ใช่นิรโทษกรรมภาษี แต่เป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าสู่ระบบภาษีมากที่สุด โดยเฉพาะหลังจากปี 2562 หากผู้ประกอบการต้องการกู้เงินจากแบงก์ต้องใช้หลักฐานภาษีของกรมสรรพากรเป็นเอกสารสำคัญในการพิจารณาเงินกู้
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศพระราชกำหนดการยกเว้น และสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร พ.ศ.2558 และพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรา และยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 595) พ.ศ.2558 โดยเนื้อหาตามพระราชกำหนดฯ และพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้
บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในหรือก่อนวันที่ 31 ธ.ค.2558 ไม่เกิน 500 ล้านบาท และจดแจ้งการจัดทำบัญชี และงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ (บัญชีเล่มเดียว) ต่อกรมสรรพากร จะได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบภาษีอากรย้อนหลัง ทั้งนี้กรมสรรพากรจะเปิดให้มีการจดแจ้งการใช้บัญชีเล่มเดียวผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.2559 ถึงวันที่ 15 มี.ค.2559
กรณีที่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดอยู่ระหว่างถูกการตรวจสอบภาษีอากร เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีปลอม หลีกเลี่ยงภาษีอากร หรืออยู่ในระหว่างการดำเนินคดีก่อนวันที่ 1 ม.ค.2559 บริษัทฯ ยังคงสามารถจดแจ้งการใช้บัญชีเล่มเดียวต่อกรมสรรพากรได้ โดยกรมสรรพากรจะดำเนินการเฉพาะกรณีนั้นๆ ต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ
สำหรับกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ซึ่งมีทุนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้า และการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาทในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2558 และได้มีการจดแจ้งต่อกรมสรรพากรในการใช้บัญชีเล่มเดียว จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการยกเว้น และลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล 2 รอบระยะเวลาบัญชีดังนี้
1. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิ ในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2559
2. ยกเว้น และลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2560 ดังนี้
2.1 สำหรับกำไรสุทธิส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาทยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และ
2.2 ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล เหลือร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิสำหรับกำไรสุทธิส่วนที่เกิน 300,000 บาท
กรณีที่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นจะถูกเพิกถอนจากการยกเว้นการตรวจสอบภาษีอากรย้อนหลัง และให้ถือว่าบริษัทฯ นั้นไม่เคยได้รับสิทธิใดๆ ตามพระราชกำหนดฉบับนี้
ให้กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินการเพื่อให้สถาบันการเงินที่อยู่ในกำกับดูแลใช้บัญชี และงบการเงินที่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแสดงต่อกรมสรรพากรในการยื่นรายการภาษีเงินได้ เป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมทางการเงิน และขออนุมัติสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป
ผลของการดำเนินการตามมาตรการบัญชีเล่มเดียว และการยกเว้น และลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับ SMEs คาดว่าจะทำให้
1. บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้จัดทำบัญชี และงบการเงินสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ และวางแผนการดำเนินธุรกิจสร้างความน่าเชื่อถือในการประกอบกิจการ เป็นการสร้างฐานภาษีที่ยั่งยืน สะท้อนสภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ และการทำธุรกรรมทางการเงินโดยรวม
2. การยกเว้น และลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่ทำบัญชีเล่มเดียวจะช่วยส่งเสริมศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการ SMEs โดยใช้เป็นเครื่องมือเพื่อวิเคราะห์ และวางแผนการดำเนินธุรกิจ และสร้างความน่าเชื่อถือในการขยายกิจการ
นอกจากนี้กรมสรรพากรยังได้รวบรวมข้อมูล และตอบข้อซักถาม ซึ่งเป็นคำถามที่ถูกถามบ่อยมากที่สุดด้วย ดังนี้