“นาจิบ”ถูกเรียกเก็บภาษี 1.5 พันล้านริงกิต
เมื่อวันที่ 1 เม.ย.สื่อดิเอดจ์ในมาเลเซีย รายงานว่า อดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคของมาเลเซียถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจำนวน 1,500 ล้านริงกิต หรือราว 11,820 ล้านบาท จากสำนักงานสรรพากรของมาเลเซีย (IRB)
โดยหนังสือพิมพ์ด้านการเงินรายวันแห่งนี้รายงานว่า ทาง IRB ได้ส่งจดหมายแจ้งไปยังอดีตนายกฯนาจิบประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว โดยระบุว่าเป็นภาษีเพิ่มเติมที่เขาต้องจ่ายในช่วงระหว่างปี 54 – 60
อ้างอิงจากแหล่งข่าว รายงานระบุว่า จำนวนภาษีที่นาจิบต้องจ่ายมากกว่าที่เขาได้จ่ายไปแล้วจากยอดรายได้ที่เขาได้แสดงกับทางการในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา
จากการประเมินของ IRB นาจิบไม่ได้แสดงรายได้ที่ต้องเสียภาษีมากเกือบ 4,000 ล้านริงกิตในช่วงเวลานั้น และนี่รวมถึง ‘เงินบริจาค’ จำนวน 2,600 ล้านริงกิต ( 20,488 ล้านบาท) ที่เขาอ้างว่าเขาได้รับจากรัฐบาลซาอุดิอาระเบียด้วย
ปัจจุบัน นาจิบถูกทางการมาเลเซียดำเนินคดีถึง 7 ข้อหาที่เกี่ยวข้องกับเงินกองทุนจำนวน 42 ล้านริงกิตที่เป็นของ SRC International Sdn Bhd
ในวันที่ 4 ก.ค.ปีที่แล้ว เขาถูกตั้งข้อหาใช้อำนาจในทางที่มิชอบ และอีก 3 กระทงในข้อหาละเมิดความไว้วางใจจนทำให้เกิดความเสียหายกับกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของมาเลเซีย (1MDB) ที่กลายเป็นข่าวฉาวไปทั่วโลก ( นาจิบเป็นทั้งประธานบอร์ดกองทุน 1MDB และเป็นรมว.กระทรวงการคลังด้วยในช่วงเวลาที่เขาเป็นผู้นำมาเลเซีย)
โดยเขาถูกกล่าวหาว่า เขาได้รับโอนจำนวน 42 ล้านริงกิตจาก SRC International Sdn Bhd ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกองทุน 1MDB
ในวันที่ 8 ส.ค.61 เขาไปขึ้นศาลอีกเป็นครั้งที่ 2 และถูกตั้งข้อหาฟอกเงินอีก 3 กระทงที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวน 42 ล้านริงกิต
โดยข้อหาทั้ง 7 กระทงจะมีการไต่สวนและพิจารณาคดีเป็นชุดแรกในศาล จากข้อหาทั้งหมด 42 กระทงที่นาจิบถูกอัยการยื่นฟ้องต่อศาล
กำหนดการไต่สวนคดีคอร์รัปชั่นของนาจิบแต่เดิมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ.จนถึง 29 มี.ค.ปีนี้ แต่มีการเลื่อนจากการอุทธรณ์เรื่องวิธีการดำเนินการที่ถูกยกขึ้นมาพูดถึงในระหว่างการเปิดพยานหลักฐานเบื้องต้น
ในวันที่ 28 มี.ค.ทนายความของนาจิบระบุว่า การพิจารณาคดีจะเริ่มในสัปดาห์นี้ หลังจากมีความล่าช้ามานานเกือบสองเดือน.