ดันชีอุตสาหกรรมฟื้นในรอบ 9 เดือน
ภาคเอกชนขานรับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล “บิ๊กตู่” ส่งผลให้ดันชีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นในรอบ 9 เดือน โดยในเดือนก.ย. อยู่ที่ 82.8 จากเดือนส.ค. อยู่ที่ 82.4
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แถลงผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย (Thai Industries Sentiment Index: TISI) ในเดือนก.ย.58 จำนวน 1,201 ราย ครอบคลุม 44 กลุ่มอุตสาหกรรม ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แยกเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดย่อม 31.6% อุตสาหกรรมขนาดกลาง 37.6% และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ 30.8% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด
นอกจากนี้ยังแบ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมในภาคกลาง 43.1% ภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 13.0% ภาคตะวันออก 13.4% และภาคใต้ 19.3 % และแบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรมที่เน้นตลาดในประเทศ และกลุ่มอุตสาหกรรมที่เน้นตลาดต่าง ประเทศ 81.5% และ 18.5% ตามลำดับ โดยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนก.ย.58 อยู่ที่ระดับ 82.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 82.4 ในเดือนส.ค. ทั้งนี้ค่าดัชนีฯ ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ
ทั้งนี้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ในเดือนก.ย.58 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน จากการที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเพื่อจำหน่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยเฉพาะคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการต่างขยายตลาด และการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการอ่อนค่าของเงินบาทเป็นปัจจัยบวกต่อภาคการส่งออกในเดือนนี้
โดยดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 102.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 102.0 ในเดือนส.ค. โดยค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ที่เพิ่มขึ้น เกิดจากองค์ประกอบยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ซึ่งผู้ประกอบการเชื่อมั่นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย การใช้จ่ายโครงการลงทุนขนาดเล็ก และการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs จะเป็นปัจจัยบวกในการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นจำแนกตามขนาดของของกิจการ ในเดือนเดือนก.ย.58 จากการสำรวจพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของอุตสาหกรรมทุกขนาด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค.58
ผลสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นฯ รายภูมิภาคจากการสำรวจพบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออก ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ปรับตัวลดลงจากเดือนส.ค.
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจำแนกตามการส่งออก (ดัชนีความเชื่อมั่นฯ จำแนกตามร้อยละของการส่งออกต่อยอดขาย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เน้นตลาดในประเทศกับกลุ่มที่เน้นตลาดต่างประเทศ) โดยจากการสำรวจพบว่า ในเดือนก.ย.58 ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ กลุ่มที่เน้นตลาดในประเทศ และกลุ่มที่เน้นตลาดต่างประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากในเดือนส.ค.
สำหรับด้านสภาวะแวดล้อมในการดําเนินกิจการ เมื่อพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบการอุตสาหกรรมพบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมัน ส่วนปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การเมืองในประเทศ อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
อย่างไรก็ตามข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐในเดือนกันยายน ได้แก่ อยากให้ภาครัฐเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงบลงทุนในโครงการที่รัฐบาลได้อนุมัติไปแล้ว รวมถึงกำหนดแผนปฏิบัติงานให้เป็นรูปธรรม และเป็นไปตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เร่งเจรจาการค้ากับประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจเพื่อขยายตลาด และลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน พร้อมทั้งต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนหรือรูปแบบ PPP (Public–Private Partnership) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วย