จ้างงานเพิ่มในสหรัฐฯ กว่าสองแสน
ตลาดงานในสหรัฐฯ มีจำนวนงานเพิ่มขึ้นกว่า 227,000 งาน ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้เพียง 175,000 งานเท่านั้น อ้างอิงจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงาน
เทียบกับเมื่อเดือน ธ.ค.ปีก่อน ซึ่งมีงานเพิ่มขึ้น 157,000 งาน ทำให้จำนวนงานในขณะนี้มากกว่าที่ประมาณการไว้ในครั้งแรกเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ค่าจ้างเฉลี่ยไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด รวมทั้งจำนวนคนที่ทำงานนอกเวลาแต่กำลังมองหางานเต็มเวลานั้นเพิ่มมากขึ้น
แสดงให้เห็นว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ได้สานต่อนโยบายหนุนตลาดงานอย่างเป็นรูปธรรม
ประธานาธิบดีทรัมป์เคยให้คำขาดว่าจะเพิ่มงานกว่า 25 ล้านงานภายใน 10 ปี เพื่อเป็นประธานาธิบดีที่สร้างอาชีพให้กับชาวสหรัฐฯ ได้ดีที่สุด
ในขณะที่ตลอดระยะเวลาดำรงตำแหน่งของนายบารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือระหว่างปี 2552-2560 มีจำนวนงานเพิ่มขึ้นราว 11.25 ล้านงาน
ตำแหน่งงานที่เพิ่มมากขึ้นในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาส่วนมากเป็นงานในการค้าปลีก ก่อสร้าง และอาชีพทางการเงิน
โดยในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นจากจำนวน 7.6 ล้านคนเล็กน้อย สอดคล้องกับอัตราการว่างงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 4.7% เป็น 4.8% แต่ในจำนวนดังกล่าวส่วนมากกำลังมองหางานอยู่ในขณะนั้น
เปอร์เซ็นต์ของวัยทำงานหรือผู้ที่กำลังมองหางานเพิ่มมากขึ้นจนเพิ่มขึ้นจนสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีก่อน
โมฮัมหมัด เอล เอเรียน หัวหน้าที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ ของบริษัทประกันอลิอันซ์ ในแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า “ การเพิ่มจำนวนงานที่รวดเร็วอย่างต่อเนื่องนี้ส่งผลต่อการขึ้นค่าจ้างที่ทุลักทุเล สร้างคำถามเกี่ยวกับขอบเขตการทำงานของตลาดแรงงานอีกครั้ง ”
“ การขึ้นค่าจ้างที่ฝืดเคืองไม่สอดคล้องกับจำนวนงานกระตุ้นให้ธนาคารกลางของสหรัฐฯ ระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ”
ในระหว่างที่เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขามักนำข้อมูลจำนวนงานที่รัฐบาลกล่าวเกินจริงมาเป็นประเด็นว่ารัฐบาลในขณะนั้นหลอกลวงเกี่ยวกับสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศ
ประธานาธิบดีทรัมป์เคยพูดถึงตัวเลขผู้ว่างงานว่าหลอกลวงประชาชนและเหตุผลที่ตัวเลขลดลงเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายใต้การบริหารประเทศของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากต้องตกงานและกำลังมองหางาน0